การแพร่ระบาดของ ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่COVID-19(Coronavirus Disease 2019) ปัจจัยในการป้องกันหลักๆ ตามที่แพทย์แนะนำ นอกจากการใช้หน้ากากอนามัยแล้ว “การรักษาความสะอาดสุขอนามัยส่วนตัว” ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน โดยเฉพาะ “การล้างมือ
ต้องมีเอทานอลเข้มข้นเกิน 65% เท่านั้น แนะใช้แอลกอฮอล์เพื่อความชัวร์ เตือน! ไม่ควรสัมผัสหน้ากากอนามัยฝั่งสีเข้มหลังสวมใส่ เพราะจะทำให้ปนเปื้อนเชื้อได้
1.เป็นเจลล้างมือที่ช่วยให้คุณมั่นใจว่า มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างแน่นอน ด้วยมีแอลกอฮอล์สูงถึง 70% เป็นเจลทำความสะอาดมือแบบไม่ใช้น้ำ ลดและยับยั้งเชื้อโรคด้วยสารไตรโคลซาน ที่มีประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อโรคตามผิวหนัง เพราะมีแอลกอฮอล์ถึง 70% ทั้งยังมีกลีเซอรีนที่คอยให้ความชุ่มชื้น ช่วยให้มั่นใจว่า มือของคุณไม่แห้งและเป็นขุย
2.หรือแบบเป็นสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคอเนกประสงค์ ที่อ่อนโยน ฆ่าเชื้อและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรียและเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับใช้กับเด็กเล็กด้วย ไม่ว่าจะทำความสะอาดมือ ร่างกาย ของเล่น หรือรถเข็นก็ได้
3.เจลล้างมือแบบไม่ต้องล้างออกฆ่าเชื้อโรค ใน 30 วินาที ทั้งยับยั้งการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย เพียงช็ดถูทำความสะอาดมือ ก็ช่วยให้คุณมั่นใจ
ส่วนประกอบของเจลล้างมือ
ปกติแล้วเจลล้างมือมีหลายสูตร แต่ส่วนใหญ่นิยมใส่แอลกอฮอล์ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่างๆ โดยแต่ละแบรนด์อาจจะเลือกชนิด และความเข้มข้นของแอลกอฮอล์แตกต่างกันไป เช่น เอทานอล (Ethanol) ไอโซโพรพานอล (Isopropanol) 1-โพรพานอล (n-propanol) หรือ เบนซาลโคเนียมคลอไรด์ (Benzalkonium Chloride) นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอื่นๆ เช่น น้ำ น้ำหอม และกลีเซอรีน (Glycerine) อีกด้วย
เจลล้างมือที่ไม่มีแอลกอฮอล์ก็มีวางจำหน่ายเช่นเดียวกัน แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก เพราะอาจมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้น้อยกว่า แต่ด้วยคุณสมบัติของแอลกอฮอล์ที่ระเหย และแห้งไว จึงทำให้นิยมนำแอลกอฮอล์มาใช้เป็นสูตรของเจลล้างมือที่ต้องมอบความสะอาด พร้อมทำให้มือแห้งไวไม่เหนียวเหนอะได้ง่าย
เจลล้างมือ ฆ่าเชื้อโรคได้จริงหรือไม่?
เจลล้างมือที่มีความเข้มข้นของเอทานอลระหว่าง 60-80% จะมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อโรคได้หลายชนิด ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัส ป้องกันได้ทันทีหลังการใช้ และป้องกันได้ในระยะเวลานาน แต่ก็ยังมีเชื้อโรคบางส่วนที่แอลกอฮอล์ไม่สามารถจัดการได้
เชื้อโรคที่เจลล้างมือสามารถจัดการได้
เชื้อวัณโรค เชื้อรา เชื้อเอชไอวี เชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ที่ทำให้เกิดโรคเริม เชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี เชื้อไข้หวัดใหญ่ ไวรัสโรต้า
เชื้อโรคที่เจลล้างมือไม่สามารถจัดการได้
ไวรัสในกลุ่มที่ติดต่อในระบบทางเดินอาหาร เช่น เชื้อไวรัสตับอักเสบเอ และเชื้อเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) (ที่ก่อให้เกิดอาการคล้ายหวัด หรือเป็นไข้ แต่ในบางกรณีอาจมีความรุนแรงมากกว่า) นอกจากนี้เชื้อไวรัสที่ให้ก่อให้เกิดอาการท้องเสียบางชนิด ก็ไม่สามารถถูกกำจัดได้ด้วยเจลล้างมือเช่นกัน
เจลล้างมือ VS น้ำเปล่า
ในกรณีที่ต้องทำความสะอาดมือด้วยเจลล้างมือ หรือน้ำเปล่า ด้วยส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่มีอยู่ในเจลล้างมือ จึงทำให้ประสิทธิภาพในการทำความสะอาด และฆ่าเชื้อโรคของเจลล้างมือทำได้ดีกว่า แต่ต้องใช้เจลล้างมืออย่างถูกวิธี โดยถูมือด้วยเจลล้างมือให้นานกว่า 20 วินาทีต่อครั้ง จำนวน 2 ครั้ง และปล่อยให้มือแห้งโดยไม่ต้องล้างมือ แอลกอฮอล์จะออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคบนมือได้มากถึง 99.99% ภายใน 6-8 นาที
อย่างไรก็ตาม เจลล้างมือก็มีข้อจำกัดในการใช้ หากเป็นมือที่เปื้อนสิ่งสกปรกมาอย่างชัดเจน เช่น เปื้อนคราบสกปรกต่างๆ เปื้อนอุจจาระปัสสาวะ ในกรณีนี้ควรล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า สบู่ และ/หรือตามด้วยเจลล้างมืออีกครั้ง
หากให้เรียงประสิทธิภาพของอุปกรณ์ทำความสะอาดเพื่อการขจัดเชื้อโรค สามารถเรียงประสิทธิภาพในการทำความสะอาดจากน้อยไปมากได้ดังนี้
กระดาษชำระ – น้ำเปล่า – เจลล้างมือ – น้ำเปล่าและสบู่
แหล่
งข้อมูลเพิ่มเติม https://www.sanook.com/health/9773/
และ https://www.thaihealth.or.th