คณิตศาสตร์ ม.4 – เซต
สัญลักษณ์
{ } แทน เซต
∈ แทน คำว่า” เป็นสมาชิก”
∉ แทนคำว่า “ไม่เป็นสมาชิก”
⊂ แทนคำว่า “สับเซต”
⊄ แทนคำว่า ” ไม่เป็นสับเซต”
การนับจำนวนสมาชิกในเซต
- จำนวนสมาชิกของเซต A เขียนแทนด้วย n(A)
- ถ้าสมาชิกในเซตซ้ำกันให้เขียนเพียงครั้งเดียว
ชนิดของเซต
- เซตจำกัด คือ เซตที่สามารถบอกได้ว่ามีสมาชิกทั้งหมดกี่ตัว
- เซตอนันต์ คือ เซตที่ไม่สามารถบอกได้ว่ามีสมาชิกทั้งหมดกี่ตัว
- เซตว่าง คือ เซตที่ไม่มีสมาชิกในเซตเลย หรือเขียนแทนด้วย ∅
เอกภพสัมพัทธ์ (U) คือ เซตที่กำหนดขอบเขตสิ่งที่เรากำลังพิจารณา
ความสัมพันธ์ระหว่างเซต
- เซตที่เท่ากัน คือ เซตที่สมาชิกทุกตัวเหมือนกัน ถ้าเซต A เท่ากับเซต B จะเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ A = B
- เซตที่เทียบเท่ากัน คือ เซตที่จำนวนสมาชิกเท่ากัน
สมบัติของสับเซต
- ถ้า A⊂B และ A ≠ B จะเรียก A ว่าเป็นสับเซตแท้ของ B
- ถ้า A เป็นเซตจำกัด จะมีสมาชิก n ตัว แล้ว A มีสับเซตทั้งหมด 2n สับเซต
- ถ้า A เป็นเซตจำกัด จะมีสมาชิก n ตัว แล้ว A มีสับเซตแท้ทั้งหมด 2n -1 สับเซต
- Φ ⊂ A (เซตว่างเป็นสับเซตทุกเซต)
- A ⊂ A (ตัวเองก็เป็นสับเซตของตัวเอง)
- ถ้า A ⊂ B และ B ⊂ C แล้ว A ⊂ C
- A ⊂ B และ B ⊂ A ก็ต่อเมื่อ A = B
หมายเหตุ : Φ ( เซตว่าง ) ไม่มีสับเซต
เซตอนันต์
คือ เซตที่มีจำนวนมากมาย นับไม่ถ้วน
ตัวอย่างเซตอนันต์ ได้แก่
A = {x| x เป็นจำนวนเฉพาะที่มากกว่า 5 }
B = {x| x 3,7,11,15,…}
C = {1,2,3,…}
ข้อตกลงเกี่ยวกับเซต
1. เซตว่างเป็นเซตจำกัด
2. การเขียนเซตแบบแจกแจงสมาชิกเขียนสมาชิกแต่ละตัวเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เช่น เซตของเลขโดดที่อยู่ในจำนวน 232 คือ {2,3}
3. เซตของจำนวนที่มักจะกล่าวถึงเสมอและใช้กันทั่วไป มีดังนี้
I เป็นเซตของจำนวนเต็ม หรือ I = {…,-2,-1,0,1,2,…}
I เป็นเซตของจำนวนต็มบวก หรือ I = {1,2,3,…}
I เป็นเซตของจำนวนต็มลบ หรือ I = {-1,-2,-3,…}
N เป็นเซตของจำนวนนับ หรือ N = {1, 2, 3,…}
P เป็นเชตของจำนวนเฉพาะ หรื P = { 2, 3 , 5 , 7,…}
เซตที่เท่ากัน
เซต A = B หมายถึง สมาชิกทุกตัวของเซต A เป็นสมาชิก ของเซต A เป็นสมาชิกของเซต B เป็นสมาชิกของเซต A เท่ากับเซต B เขียนแทนด้วย A = B
และเซตA ไม่เท่ากับเซต B หมายความว่า มีสมาชิกอย่างน้อยหนึ่งตัวของเซต A ที่ไม่ใช้สมาชิกของเซต B หรือมีสมาชิกอย่างน้อยของเซต B ที่ไม่ใช่สมาชิกของเซต A เขียนแทนด้วย AB
ตัวอย่างที่ 1 A = {0,1,2 } และ B = {2,0,1}
ดั้งนั้น เซต A เท่ากันกับเซต B เขียนแทนด้วย A = B
คัวอย่างที่ 2 กำหนด A= {1,1,2,4,5,6} , B ={2,1,2,4,5,6}, C = {1,2,4,5,5,6,7,8}
จงหาว่ามีเซตใดบ้างที่เท่ากัน
วิธีทำ A = {1,1,2,4,5,6}, B ={2,1,2,4,5,6}
จะได้ A=B เพราะมีสมาชิกเหมือนกันทุกตัว
แต่ AC , BC เพราะว่า7 €A และ 7 € B
2.2เอกภพสัมพัทธ์
ในการเขียนเซตบอกเงื่อนไขของสมาชิก จะต้องกำหนดเซตของ เอกภพสัมพัทธ์ เขียนแทนด้วย U โดยมีข้อตกลงว่า เมื่อกล่าวถึงสมาชิกของเซต จะไม่กล่าวถึงสิ่งอื่นนอกเหนือจากสมาชิกในเอกภพสัมพัทธ์
ตัวอย่างที่ 1 U = {x| x เป็นพยัญชนะในภาษาไทย } และ {x| x เป็นพยัญชนะในภาษาไทย 3 ตัวแรก }
จงเขียนเซต A แบบแจกแจงสมาชิก
วิธีทำ U = {ก,ข,ค,…,ฮ}
ดังนั้น A = {ก,ข,ค}
ตัวอย่างที่ 2 U = {1,2,3,…} , B {x| x เป็นจำนวนนับที่น้อยกว่า 5 } จงเขียน B แบบแจกแจงสมาชิก
วิธีทำ U = {1,2,3,…}
ดังนั้น B = {1,2,3,4}
2.3 สับเซตและเพาเวอร์เซต
เซต A เป็นสับเซตของเซต B ก็ต่อเมื่อ สมาชิกทุกตัวของ A เป็นสมาชิกของ B เขียนแทนด้วย AB เซต A ไม่เป็นสับเซตของเซต B ก็ต่อเมื่อ มีสมาชิกอย่างน้อยหนึ่งตัวของเซต A ที่ไม่ป็นสมาชิกของเซต B เขียนแทนด้วย AB เช่น
A = {3,5} และ B = {1,3,5,7,9}
จะได้ว่า A B แต่ B A
สมบัติของสับเซต
1. A A และ A
2. ถ้าAB และ BC แล้วAC
3. ACและ BC ก็ต่อเมื่อ A = B
เพาเวอร์เซต
เพาเวอร์เซตของเซต A คือ เซตของสับซตทั้งหมดของ A เขียนแทนด้วย P(A)
เช่น A= {2,4,6}
จะไดว่า เพาเวอร์เซตของซต A คือ
P(A) = { {2},{4},{6},{2,4},{2,6},{4,6},{2,4,6},เซตว่าง}
สมบัติของเพาเวอร์เซต
1. P(A) และ P(A)
2.A P(A)
3.ถ้า A เป็นเซตจำกัด n(A)= k n(P(A))= 2
4.A B ก็ต่อเมื่อ P(A) P(B)
5.P(A) P(B) = P(A B)
6.P(A) P(B) P(A B)
2.4 ยูเนียน อินเตอร์เซกชัน และคอมพลีเมนต์ของเซต
– ยูเนียน (Union) : ยูเนียนของเซต A และเซต B จะได้เซตใหม่ ซึ่งมีสมาชิกของเซต A หรือเซต B หรือทั้งสองเซต
“ ยูเนียนของเซตA และเซต B เขียนแทนด้วย A B ”
A B = {x| x A หรือ x เ ป็นสมาชิกของทั้งสองเซต} |
เช่น A = {1,3,5} และ B = {3,6,9}
จะได้ A B ={1,3,5,6,9}
– อินเตอร์เซกชัน (Intersection): อินเตอร์เซกชันของเซต A และเซต B จะได้เซตใหม่ ซึ่งสมาชิกเป็นสมาชิกของเซตทั้งเซต A และเซต B
“ อินเตอร์เซกชันของเซตA และเซต B เขียนแทนด้วย A B ”
A B = {x| x A และ x B} |
เช่น A = {1,2,3,4,} , B = {2,4,6} และ C = {0,1}
จะได้ A B = {2,4}
A C = {1}
B C = {}
– คอมพลีเมนต์ (Complement) : คอมพลีเมนต์ของเซต A คือ เซต A ที่ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของ U แต่ไม่ใช่สมาชิกของเซต A
“คอมพลีเมนต์ของเซต A เขียนแทนด้วย A ”
A = {x| x € U และ x € A } |
เช่น U ={0,1,2,3} , A ={0,2,4} และ B = {1,3}
จะได้ A = {1,3}
B = {0,2}
– ผลต่างระหว่างเซต (Difference of Sets ) : ผลต่างระหว่างเซต A และเซต B คือสมาชิกอยู่ในเซต B
“ผลต่างระหว่างเซต A และเซต B เขียนแทนด้วย A – B ”
A-B ={x| x € A และ x € B} |
เช่น A = {0,1,2,3,4} และ B = {1,3,5,7,9}
จะได้ A-B = {0,2,4}
B-A = {5,7,9}