ความน่าจะเป็น (Probability)
ในการพิจารณาว่าเหตุการณ์ที่เราสนใจมีโอกาสเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใดนั้น สามารถทำได้ 2 วิธี ได้แก่
- ทำการทดลองสุ่มนั้นซ้ำๆ กัน เป็นจำนวนอนันต์ (Infinity)
ซึ่งจะสมมติให้ N แทน จำนวนครั้งของการทดลองสุ่ม
nแทน จำนวนครั้งของการเกิดเหตุการณ์ E ที่สนใจ
และ P(E) แทน ความน่าจะเป็นของการเกิดเหตุการณ์ E ที่สนใจ
พบว่า อัตราส่วน n/N จะบอกให้ทราบว่าเหตุการณ์ E ที่สนใจ มีดอกาสเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด
ดังนั้น P(E)= limit ของ n/N เมื่อ N เข้าสู่ infinity
ซึ่งเราจะพบว่า จำนวนครั้งที่ทำการทดลองสุ่มยิ่งมากเท่าใด ก็จะได้ความน่าจะเป็นที่น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
- ใช้วิธีการหาความน่าจะเป็นโดยการคำนวณจากแซมเปิลสเปซและเหตุการณ์ที่สนใจของการทดลองสุ่มนั้นโดยหาอัตราส่วนระหว่างจำนวนสมาชิกของเหตุการณี่สนใจกับจำนวนสมาชิกของแซมเปิลสเปซ โดยแซมเปิลสเปซที่ใช้ในการคำนวณจะต้องเป็นเซตจำกัดและประกอบด้วยสมาชิกที่มีโอกาสเกิดขึ้นเท่าๆ กัน
ความน่าจะเป็นของเหตุการณ์
ข้อกำหนด n(S) แทน จำนวนสมาชิกของแซมเปิลสเปซS ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เท่า ๆ กัน
n(E) แทน จำนวนสมาชิกของเหตุการณ์ E ซึ่งเป็นสับเซตของ S
และ P(E) แทน ความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ E
ดังนั้น P(E) = n(E) / n(S)
หมายเหตุ ข้อกำหนดนี้ ใช้คำนวณความน่าจะเป็นของเหตุการณ์จาดแซมเปิลสเปซที่เป็นเซตจำกัด และสมาชิกแต่ละตัว มีโอกาสเกิดขึ้นได้เท่าๆกัน
ในอีกทางหนึ่ง ความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ คือ จำนวนที่บิกให้ทราบว่าตุการณ์ที่เราสนใจมีดอกาสเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด กล่าวคือ
ถ้า P(E) = 0 เหตุการณ์ E จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย
P(E) = 1 เหตุการณ์ E มีโอกาสเกิดขึ้นแน่นอน
P(E) = 0.5 เหตุการณ์ E จะมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นได้เท่าๆ กัน
P(E1) = 0.4 และ P(E2) = 0.8 เหตุการณ์ E2 มีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่าเหตุการณ์ E1
นั่นแสดงว่า P(E) มีค่าตั้งแต่ 0-1
1 ในการหยิบไพ่มา 1 ใบ จากไพ่ 1 สำรับ ซึ่งมี 52 ใบ จงหาความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ที่ไพ่ใบนั้นเป็นโพดำ
วิธีทำ สมมติให้ E แทน เหตุการณ์ที่ได้ไพ่ใบนั้นเป็นโพดำ
และ S แทน แซมเปิลสเปซ
จะได้ n(E) = 13
และ n(S) = 52
จากสูตร P(E) = n(E) / n(S)
จะได้ P(E) = 13 / 52
ดังนั้น ความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ที่ได้ไพ่ใบนั้นเป็นโพดำเท่ากับ 13/52
2 ครอบครัวหนึ่งมีลูกสองคน จงหาความน่าจะเป็นของครอบครัวนั้น ถ้า
- ลูกคนแรกเป็นหญิง และลูกคนที่สองเป็นชาย
- ไม่มีลูกชายเลย
- มีลูกชายมากกว่า 1 คน
- มีลูกสาวอย่างน้อย 1 คน
- มีลูกชาย 1 คน และลูกสาว 1 คน
- มีลูกชาย 3 คน
วิธีทำ
สมมติให้ E1 แทน เหตุการณ์ที่มีลูกคนแรกเป็นหญิง และลูกคนที่สองเป็นชาย
E2 แทน เหตุการณ์ที่ไม่มีลูกชายเลย
E3 แทน เหตุการณ์ที่มีลูกชายมากกว่า 1 คน
E4 แทน เหตุการณ์ที่มีลูกสาวอย่างน้อย 1 คน
E5 แทน เหตุการณ์ที่มีลูกชาย 1 คน และลูกสาว 1 คน
E6 แทน เหตุการณ์ที่มีลูกชาย 3 คน
และ S แทน แซมเปิลสเปซ
จากโจทย์ จะได้ S = { (M, M), (M, W), (W, W), (W, M) }
แสดงว่า n(S) = 4
- E1= { (W, M) }
จะได้ n(E1) = 1
ดังนั้น P(E1) = 1/4
2. E2 = { (W, W) }
จะได้ n(E2) = 1
ดังนั้น P(E2) = 1/4
- E3= { (M, M) }
จะได้ n(E3) = 1
ดังนั้น P(E3) = 1/4
- E4= { (M, W), (W, M), (W, W) }
จะได้ n(E4) = 3
ดังนั้น P(E4) = 3/4
- E5= { (M, W), (W, M) }
จะได้ n(E5) = 2
ดังนั้น P(E5) = 2/4
- E6ไม่มี แสดงว่า ไม่มีโอกาสเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลย
จะได้ n(E6) = 0
ดังนั้น P(E6) = 0
ตัวอย่างที่ 3.3 ในการทอดลูกเต๋า 1 ลูก 1 ครั้ง
ให้ A เป็นเหตุการณ์ที่ได้แต้มน้อยกว่า 4 B เป็นเหตุการณ์ที่ได้แต้มตั้งแต่ 3 ขึ้นไปดังนั้น
A = {1,2,3} B = {3,4,5,6}
A U B = {1,2,3,4,5,6} A ∩ B = {3}
ตัวอย่างที่ 3.4 ในการโยนเหรียญปกติ 3 เหรียญ 1 ครั้ง
ให้ A เป็นเหตุการณ์ที่ขึ้นหัวอย่างน้อย 2 เหรียญ
B เห็นเหตุการณ์ที่ขึ้นก้อย 2 เหรียญ
ดังนั้น A = {(H,H,T),(H,T,H),(H,H,H),(T,H,H)}
B = {(T,H,T),(H,T,T),(T,T,H)}
A U B = {(H,H,T),(H,T,H),(H,H,H),(T,H,H),(T,H,T),(H,T,T),(T,T,H)}
A ∩ B = Ø
การนับจำนวนจุดตัวอย่าง
การนับจำนวนจุดตัวอย่าง คือ การนับจำนวนสมาชิกทั้งหมดในปริภูมิตัวอย่าง หรือเหตุการณ์ที่สนใจ โดยการนับจำนวนจุดตัวอย่างนั้น มีกรณีที่เกิดขึ้นดังนี้
กรณีที่ 1 เหตุการณ์ใดๆ K เหตุการณ์ ซึ่งประกอบไปด้วยเหตุการณ์ย่อยหลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน หรือต่อเนื่องกันก็ได้ แต่ละเหตุการณ์มีอยู่ n_i เหตุการณ์ วิธีการนับจุดตัวอย่างจะทำได้โดยการคูณ (Multiplicative) จะได้ n_(1 ). n_(2 ). . . . n_k เหตุการณ์
ตัวอย่างที่ 3.5 ในการทอดลูกเต๋า 1 ลูก พร้อมโยนเหรียญปกติ 1 เหรียญ พร้อมกัน จงหาเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
กำหนดให้ n_(1) แทน การทอดลูกเต๋า
n_(2) แทน การโยนเหรียญ
วิธีทำ การทอดลูกเต๋า 1 ลูก 1 ครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด 6 เหตุการณ์ คือขึ้นแต้มได้ตั้งแต่ 1 ถึง 6 นั่นคือ
n_(1 ) = 6 การโยนเหรียญ 1 เหรียญ 1 ครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด 2 เหตุการณ์ คือ หัวกับก้อย นั่นคือ
n_(2 ) = 2 ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด = n_(1 )× n_(2 )=6×2=12 เหตุการณ์
ตัวอย่างที่ 3.6 กล่องใบหนึ่งมีลูกบอลอยู่ 25 ลูก แต่ละลูกมีเลขกำกับตั้งแต่ 1 ถึง 25 จงหาเหตุการณ์ในการเลือกหยิบลูกบอลขึ้นมาครั้งละหนึ่งลูก จำนวน 3 ครั้ง โดยหยิบออกมาแล้วไม่ใส่คืนเข้าไปในกล่อง
วิธีทำ การหยิบลูกบอลลูกแรกทำได้ 25 เหตุการณ์
การหยิบลูกที่สองทำได้ 24 เหตุการณ์
การหยิบลูกที่สามทำได้ 23 เหตุการณ์
ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด = 25 × 24 × 23 = 13,800 เหตุการณ์
กรณีที่ 2 เหตุการณ์ใดๆ K เหตุการณ์ ซึ่งประกอบไปด้วยเหตุการณ์ย่อยหลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันได้ หรือไม่ต่อเนื่องกัน แต่ละเหตุการณ์มีอยู่ n_i เหตุการณ์ วิธีการนับจุดตัวอย่างจะทำได้โดยการบวก (Additive) จะได้ n_(1 )+ n_(2 )+. . . n_k เหตุการณ์
ตัวอย่างที่ 3.7 ถุงผ้าใบ 1 ถุง มีลูกแก้วอยู่ 4 สี คือ สีแดง 3 ลูก สีฟ้า 6 ลูก สีเหลือง 9 ลูก และสีเขียว 2 ลูก สุ่มหยิบมา 1 ลูก จงหาเหตุการณ์ที่หยิบลูกแก้ว 1 ลูก แล้วได้ลูกแก้วสีแดง หรือสีเหลือง
วิธีทำ ในถุงมีลูกแก้วสีแดง 3 ลูก
ในถุงมีลูกแก้วสีแดง 9 ลูก
ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด = 3 + 9 = 12 เหตุการณ์