ระดับชีพจรปกติควรจะอยู่ระหว่าง 60 – 100 ครั้งต่อนาที หากอัตราการเต้นหัวใจต่ำกว่า 60 ครั้งต่อนาที นั่นหมายความว่าคุณมีภาวะหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (Bradycardia) แต่ถ้าหากจับ ชีพจร แล้วพบว่ามีอัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที อาจหมายความว่าคุณกำลังมีภาวะหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ (Tachycardia) อย่างไรก็ตาม อัตราการเต้นของหัวใจที่แตกต่างกัน อาจมาจากปัจจัยแวดล้อมที่แตกต่างกันไป ดังนี้
หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (Bradycardia)
- ชีพจร ที่ช้าอาจเป็นผลข้างเคียงจากการรับประทานยารักษาโรคบางชนิด เช่น โพรพราโนลอล (Propranolol) เมโทโพรลอล (Metoprolol)
- การนอนหลับ
- มีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง
- ต่อมไทรอยด์ทำงานได้ไม่เต็มที่
- การออกกำลังกาย
- หัวใจวาย
- การติดเชื้อ
หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ (Tachycardia)
- ตั้งครรภ์
- การติดเชื้อ
- ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจ
- ชีพจร ที่เร็วเกินไปอาจเป็นผลข้างเคียงจากยารักษาโรค เช่น อีพิเพน (EpiPen)
- มีระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
- ต่อมไทรอยด์ทำงานหนัก
- โรคโลหิตจาง
- ปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด
- การออกกำลังกายอย่างหนักหรือรุนแรง
- อาการประหม่า ตื่นเต้น
- ความรู้สึกหวาดกลัว
- การได้รับสารกระตุ้นอย่างคาเฟอีน หรือโคเคน
ชีพจรแบบไหนเสี่ยงอันตราย
ชีพจร ที่เป็นสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพ มีอยู่ด้วยกัน 2 กรณี ได้แก่
หากพบว่า ชีพจร ของคุณ มีอัตราการเต้นของหัวใจเต้นช้ากว่า 60 ครั้งต่อนาที และมีอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วย คุณควรไปพบคุณหมอ
- หน้ามืดหรือเป็นลม
- ไม่สามารถออกกำลังกายได้
- วิงเวียนศีรษะ
- อ่อนเพลีย
ขอบคุณข้อมูล https://hellokhunmor.com/