น้ำผึ้ง ความหวานจากธรรมชาติที่นิยมใช้มาตั้งแต่โบราณ เต็มเปี่ยมไปด้วยประโยชน์มากมาย ทั้งสรรพคุณทางยา สรรพคุณเพื่อความงาม และ ยังดีกับสุขภาพโดยรวมของร่างกาย
.
น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานชนิดแรกๆจากธรรมชาติที่มนุษย์ใช้เป็นอาหารก่อนที่จะมีใช้น้ำตาลเสียอีก โดยมีประวัติการใช้น้ำผึ้งมาตั้งแต่ยุคอียิปต์ และ กรีกโบราณ โดยมีสรรพคุณทางยา ช่วยในการสมานแผล ฆ่าเชื้อโรค บำรุงความงาม และช่วยบำรุงกำลัง นอกจานี้น้ำผึ้งยังมีบทบาทในทางศาสนา โดยเป็นเครื่องมือในการประกอบศาสนกิจ ทั้งในคัมภีร์ไบเบิล คัมภีร์อัลกุรอ่าน และพระไตรปิฎก อีกด้วย
ส่วนประกอบของน้ำผึ้ง
น้ำผึ้งมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบถึง 80-85% ประกอบไปด้วยน้ำตาลชนิดต่างๆ น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ได้แก่ กลูโคส และฟรักโทส ซึ่งเป็นน้ำตาลที่ย่อยเป็นพลังงานให้กับร่างกายได้อย่างรวดเร็ว อีกกลุ่มคือน้ำตาลโมเลกุลคู่ ได้แก่ มอลโทส ซูโครส แล็กโทส และมีส่วนของน้ำตาลที่มีโมเลกุลซับซ้อน อย่างเดกซ์โทรสผสมอยู่ด้วย
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นส่วนผสมความหวานที่ได้จากธรรมชาติล้วนๆ ดังนั้นน้ำผึ้งจากธรรมชาติที่บริสุทธิ์จริงจะมีปริมาณซูโครสไม่เกินร้อยละ 5-8 เท่านั้น ถ้าสูงกว่านั้นแสดงว่า น้ำผึ้งนั้นมีการผสมน้ำเชื่อม หรือไม่ใช่น้ำผึ้งบริสุทธิ์นั้นเอง
ตารางคุณค่าทางอาหารของน้ำผึ้ง
ปริมาณคุณค่าทางอาหารต่อ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ | |
น้ำ | 3.59 g. |
พลังงาน | 64 kcal |
โปรตีน | 0.06 g. |
ไขมัน | 0.00 g. |
คาร์โบไฮเดรต | 17.30 g. |
ไฟเบอร์ | 0.0 g. |
น้ำตาล | 17.25 g. |
คุณค่าทางอาหารของน้ำผึ้ง
น้ำผึ้งเป็นอาหารกลุ่มให้พลังงาน (คาร์โบไฮเดรต)เนื่องจากมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก น้ำตาลกว่า 70%ในน้ำผึ้งเป็นน้ำตาลที่ย่อยง่าย ร่างกายสามารถดูซึมไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยฟื้นฟูกำลัง ช่วยให้หายเหนื่อยเร็ว และให้ความสดชื่น หลังออกกำลังกายได้ดี
ในน้ำผึ้งมีวิตมิน บีและซี และยังมีแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม เกลือแร่ ฟอสฟอรัส กรดอะมิโนที่จำเป็น รวมถึงสารต้านอนุมุลอิสระ ที่มีลักษณะเดียวกันกับที่พบในผักใบเขียว
ประโยชน์ของน้ำผึ้ง
- ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
- มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย
- ช่วยลดและป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
- ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ดูมีน้ำมีนวลเป็นธรรมชาติ
- พอกหน้าด้วยน้ำผึ้งช่วยบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื่น และนุ่มนวล หลังล้างหน้าเสร็จให้นำกล้วยหอมครึ่งลูก นำมาบดผสมรวมกับน้ำผึ้งแล้วนำมาทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
- ช่วยบำรุงรักษาผิวหน้าที่แห้งแตกลอกเป็นขุย ด้วยการนำไข่แดง 1 ฟองผสมกับน้ำผึ้งผสม 1 ช้อน คนให้เข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก
- ช่วยบำรุงสมอง ช่วยในเรื่องของความจำ
- ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวหนัง
- ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มสวยเงางาม หลังสระผมเสร็จให้นำน้ำผึ้งผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออก
- ช่วยบำรุงเสียงให้ใส ลดอาการเจ็บคอ
- ช่วยลดสิวเสี้ยน สิวอุดตันบนใบหน้า หลังล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเสร็จแล้วให้นำกล้วยหอมครึ่งลูก นำมาบดผสมรวมกับน้ำผึ้งแล้วนำมาทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
- นิยมนำมาใช้ผสมในเครื่องต่าง ๆ เช่น นม ชา กาแฟ โยเกิร์ต น้ำมะนาว หรือแม้กระทั่งเบียร์หรือไวน์
- นำมาใช้เป็นส่วนผสมในขนมหวานต่าง ๆ หรือผลิตภัณฑ์ธัญพืชต่าง ๆ
- ใช้น้ำผึ้งแทนสารกันบูดในน้ำสลัด ซึ่งจะทำให้น้ำสลัดไม่เสียและเก็บได้นานถึง 9 เดือน
- น้ำผึ้งสามารถนำมาแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย เช่น มาส์กหน้า สบู่ เจลล้างหน้า สครับ เป็นต้น
- น้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ
- ช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ต้านทานโรคต่าง ๆ ได้ดี
- ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตในวัยเด็ก
- ช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
- ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจากการทำงานหรือเล่นกีฬา
- ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของผู้ป่วยในระยะพักฟื้น หรือผู้สูงอายุ
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคต่าง ๆ ให้ดีขึ้น
- ช่วยในควบคุมน้ำหนักและลดความอ้วน
- ช่วยบำรุงเลือดในร่างกาย ด้วยการใช้น้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะใส่แก้ว แล้วบีบมะนาว 1 ซีก ใส่เกลือเล็กน้อย แล้วเติมน้ำร้อนดื่ม
- ช่วยรักษาอาการหวัดให้หายเร็วขึ้น
- น้ำผึ้งสามารถบรรเทาอาการไอจากหวัดในเด็กได้ดีกว่ายาแก้ไอ
- ช่วยรักษาอาการเมาค้าง
- ช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้คงที่
- น้ำผึ้งมีฤทธิ์ยาระงับประสาทอ่อน ๆ จึงช่วยลดอาการหงุดหงิด ความกังวลได้
- ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับและช่วยทำให้หลับสบายยิ่งขึ้น
- ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้น้ำผึ้งและงาดำอย่างละ 50 กรัม โดยนำงาดำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำผึ้ง ชงกับน้ำร้อนดื่ม
- ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้สาลี่หอมจำนวน 5 ลูก น้ำผึ้ง 250 กรัม โดยปอกลูกสาลี่แล้วนำมาตำให้ละเอียด นำไปคลุกกับน้ำผึ้งแล้วต้มจนเหนียว แล้วนำมาผสมกับน้ำกิน
- ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง เพราะน้ำผึ้งมีส่วนผสมของธาตุเหล็กซึ่งช่วยในการเพิ่มเม็ดเลือดแดง
- ช่วยบำรุงหัวใจ ขับชีพจร และป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ช่วยบำรุงและรักษาโรคตับ
- ช่วยระงับความร้อนในร่างกาย
- ช่วยรักษาอาการตาอักเสบจากการติดเชื้อ เช่น กระจกตาอักเสบ เยื่อตาอักเสบ เป็นต้น
- ช่วยบรรเทาอาการไอ หลอดลมอักเสบ มีเสมหะ ด้วยการชงดื่มกับน้ำมะนาว
- น้ำผึ้งช่วยลดกรดในกระเพาะ ช่วยในการย่อยอาหาร เพราะน้ำผึ้งจะถูกดูดซึมทันทีเมื่อถึงลำไส้ ซึ่งต่างจากน้ำตาลชนิดอื่น
- ช่วยรักษาโรคกระเพาะ
- ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือท้องเสียอย่างรุนแรง
- ช่วยแก้อาการท้องเดินและช่วยบำรุงลำไส้ที่อักเสบให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
- ช่วยแก้ปัญหาช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแคนดิดา (Candida) ได้ดีพอ ๆ กับยาฆ่าเชื้อแผนปัจจุบัน
- ช่วยแก้อาการเด็กปัสสาวะรดที่นอนเป็นประจำ เพราะช่วยดูดความชื้นและช่วยอุ้มน้ำไว้
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการนำกระเทียมผสมกับน้ำผึ้ง รับประทานวันละ 3 ครั้ง
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคข้ออักเสบ ด้วยการใช้น้ำส้มนำมาผสมกับแอปเปิลไซเดอร์ 2 ช้อนชาลงในน้ำร้อน แล้วเติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงดื่มวันละสองครั้ง
- ช่วยแก้อาการตะคริวหรือป้องกันการเป็นตะคริว
- ช่วยแก้อาการท้องผูก ด้วยการรับประทานกล้วยน้ำว้าสุกจิ้มกับน้ำผึ้ง ช่วยลดอาการท้องผูกลงได้
- ช่วยลดการอักเสบของบาดแผล
- ช่วยป้องกันการติดเชื้อของบาดแผลและช่วยให้แผลหายเร็ว
- ช่วยรักษาโรคฮ่องกงฟุตและกลากเกลื้อน
- ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและต่อต้านจุลินทรีย์
ขอบคุณข้อมูล https://www.lovefitt.com/ และ https://medthai.com/