Noun (คำนาม)
คำนามเป็นคำที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สถานที่ สิ่งของ และนามธรรม เช่น student, policeman, dog, snake, airport, river, television, sugar, love, etc.
ประเภทของคำนาม
แบ่งได้ดังนี้
1) คำนามทั่วไป (common noun) เป็นคำที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สถานที่ สิ่งของ สภาวะทั่วๆ ไป เช่น man, panda, city, day
2) คำนามเฉพาะ (proper noun) เป็นคำที่ใช้เรียกชื่อคนหนึ่งคนใด สิ่งของหนึ่งสิ่งของใด
สถานที่หนึ่งสถานที่ใดโดยเฉพาะ เช่น
man เป็น common noun David เป็นชื่อเฉพาะเรียก man คนหนึ่ง
panda เป็น common noun Linping เป็นชื่อเฉพาะเรียก panda ตัวหนึ่ง
city เป็น common noun London เป็นชื่อเฉพาะเรียก city แห่งหนึ่ง
day เป็น common noun Saturday เป็นชื่อเฉพาะเรียก day วันหนึ่ง
ชื่อวันและเดือนต้องเป็นคำนามเฉพาะ เช่น Monday, Tuesday, etc.
January, February, March, etc.
คำนามเฉพาะ (proper noun) ต้องเขียนอักษรตัวแรกของคำด้วยอักษรตัวใหญ่ (capital letter)
3) คำนามนับได้ (countable noun) คือคำนามที่นับจำนวนได้ จึงมีรูปเอกพจน์ (singular form) และรูปพหูพจน์ (plural form)
การเปลี่ยนรูปเอกพจน์เป็นรูปพหูพจน์มีดังนี้
กลุ่มที่ 1 คำนามส่วนมาก เติม s ที่รูปเอกพจน์เมื่อต้องการรูปพหูพจน์ เช่น คำต่อไปนี้
Singular Form Plural Form
boy boys
table tables
teacher teachers
กลุ่มที่ 2 คำนามที่ลงท้ายด้วย o, ch, s, ss, sh, x, และ z ต้องเติม es
Singular Form Plural Form
potato potatoes
watch watches
bus buses
glass glasses
brush brushes
ข้อยกเว้น 1. คำที่ลงท้ายด้วย o เช่น buffalo ใช้ได้ 2 แบบ คือเติม es ดังนี้ buffaloes หรือใช้รูปเดิมก็ได้ คือ buffalo
2. คำนามที่ลงท้ายด้วย o ที่มาจากภาษาอื่น หรือคำที่เป็นคำย่อ ให้เติม s เท่านั้น เช่น คำต่อไปนี้
kilo = kilos photo = photos
piano = pianos dynamo = dynamos
kimono = kimonos soprano = sopranos
การออกเสียง เมื่อเติม es ให้คำนามที่ลงท้ายด้วย ch, s, ss, sh, x, และ z ต้องออกเสียงคำ โดยเพิ่มพยางค์ที่ท้ายคำเป็นเสียง /Iz/ เช่น glasses ออกเสียงว่า [gla:sIz]
กลุ่มที่ 3 คำนามที่ลงท้ายด้วย y โดยอักษรที่นำหน้า y เป็นรูปพยัญชนะต้องเปลี่ยน y เป็น i ก่อนเติม es เช่น
Singular Form Plural Form
baby babies
country countries
fly flies
แต่คำนามที่ลงท้ายด้วย y โดยอักษรที่นำหน้า y เป็นรูปสระ ให้เติม s เช่น
boy = boys
monkey = monkeys
กลุ่มที่ 4 คำนามที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe ต้องเปลี่ยน f หรือ fe เป็น ves เช่น คำนาม
ต่อไปนี้ calf, half , knife, leaf, loaf, life, self, shelf, thief, wife, wolf, sheaf
Singular Form Plural Form
loaf loaves
leaf leaves
wife wives
half halves
thief thieves
ส่วนคำนามต่อไปนี้ hoof, scarf, และ wharf เติม s หรือเปลี่ยน f เป็น ves ก็ได้ดังนี้
hoof = hoofs/ hooves
scarf = scarfs/ scarves
wharf = wharfs/wharves
นอกจากคำนามที่กล่าวมานี้ คำนามอื่นที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe ให้เติม s เมื่อเป็นพหูพจน์ เช่น
cliff = cliffs
handkerchief = handkerchiefs
กลุ่มที่ 5 คำนามต่อไปนี้มีรูปพหูพจน์เฉพาะ เช่น
Singular Form
|
Plural Form | |
man
|
men | |
woman | women | |
foot | feet | |
tooth | teeth | |
goose | geese | |
mouse | mice | |
louse | lice | |
child | children | |
ox | oxen |
ข้อสังเกต คำที่ 1 – 7 คำที่เป็นพหูพจน์เปลี่ยนสระภายในคำเอกพจน์ ส่วน 2 คำหลัง คือ child และ ox เป็นการเติม -ren/-en ท้ายคำ
กลุ่มที่ 6 คำนามกลุ่มนี้ไม่ต้องเปลี่ยนรูปเมื่อเป็นพหูพจน์
fish (fishes มีใช้บ้าง แต่น้อยมาก)
ชื่อปลาต่าง ๆ เช่น carp, salmon, trout, cod, mackerel
ปลาหมึก squid
สัตว์บางชนิด เช่น deer, sheep, swine
ยานพาหนะบางชนิด เช่น aircraft, craft
คำนามต่อไปนี้ใช้รูปเดิมหรือเติม s ก็ได้ duck/ducks, partridge/ partridges, pheasant/pheasants
คำนามนับได้บางคำจะเป็นพหูพจน์เสมอ เช่น clothes, police, savings, stairs, surroundings, valuables, pains, thanks, contents, etc.
She unpacked and put all her clothes in the closet.
The man witnessed the robbery and called the police.
She walked up the stairs quietly.
คำนามเรียกเสื้อผ้า เครื่องมือ หรือของใช้ที่มีสองส่วนจะเป็นพหูพจน์เช่นเดียวกัน เช่น
เสื้อผ้า: trousers pants, shorts, etc. (กางเกง มี 2 ขา)
เครื่องมือหรือของใช้: pliers, scissors, tweezers, binoculars, glasses, spectacles, etc.
Schoolboys wear shorts when they go to school.
The girl cut the pictures with scissors.
Tim is short-sighted. He must wear glasses when he reads.
4) คำนามนับไม่ได้ (uncountable noun) ได้แก่
คำนามที่เรียกสิ่งที่นับจำนวนไม่ได้หรือไม่สามารถแยกนับเป็นหนึ่ง สอง สาม ฯลฯ ได้ เช่น
water sugar bread gold paper dust
sand hair cloth soap ice oil
glass wood meat jam chalk mud
milk salt butter rice air snow
คำนามที่บอกการกระทำ (action) คุณสมบัติ (quality) หรือ สภาพ (state) ซึ่งไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ คำนามเหล่านี้เรียกว่า อาการนาม (abstract noun) ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดได้ในเรื่อง อาการนาม เช่น
information advice relief laziness sorrow willingness
คำนามที่เป็นชื่อวิชาหรือชื่อกีฬา เช่น
English Japanese history geography psychology
basketball tennis golf baseball
คำนามที่เรียกชื่อโรคต่าง ๆ เช่น mumps, measles, shingles (งูสวัด) และ
คำนามต่อไปนี้ luggage, baggage, furniture, weather, news, etc.
คำนามนับไม่ได้จะมีคุณสมบัติเป็นเอกพจน์เสมอ และไม่ใช้คำกำกับนาม a/an นำหน้า
5) สมุหนาม (collective noun) เป็นคำนามเอกพจน์ซึ่งใช้เรียกคนเป็นกลุ่ม เช่น
family staff team bunch army crowd government
company class club gang jury band committee
คำนามเหล่านี้จึงสามารถใช้เสมือนเป็นคำพหูพจน์ใช้กริยาพหูพจน์ (plural verb) แต่ใช้กับกริยาเอกพจน์ (singular verb) ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้พูดหรือผู้เขียนตั้งใจจะหมายถึงอะไร
ถ้าผู้พูดหมายถึง คนจำนวนมากกว่า 1 คน ( = people) กำลังทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีคนมากกว่า 1 คนทำ เช่น การวางแผนต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด ฯลฯ ควรจะใช้กริยาพหูพจน์และต้องแทนด้วยคำสรรพนาม “they” เช่น
Our school team are wearing the school uniform.
ถ้าหมายถึง กลุ่มเดียว/หน่วยเดียว (a single group or unit) ให้ใช้กริยาเอกพจน์ เช่น
Our school team is better than our opponent’s.
The family is going to Italy next month.
สมุหนามบางคำมีรูปพหูพจน์ได้และต้องใช้กับกริยาพหูพจน์ เช่น
family = families class = classes crowd = crowds
6) อาการนาม (abstract noun) ได้แก่คำนามที่เรียกสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง เช่น honesty คำนาม
ประเภทนี้เป็นคำนามที่บอกการกระทำ (action) คุณสมบัติ (quality) หรือสภาพ (state) ซึ่งไม่มีตัว
ตนที่จับต้องได้ อาการนามเป็นคำนามที่นับไม่ได้ เช่น
ability | courage | death | fear | help | |
decision | experience | beauty | hope | pity | |
honesty | horror | knowledge | happiness | mercy | |
poverty | arrival | choice | shopping | camping |
7) คำนามวัตถุ/ คำนามที่ใช้เรียกสิ่งที่เป็นรูปธรรม (material noun/ concrete noun) คำนามประเภทนี้เป็น mass noun เป็นคำนามที่เรียกสิ่งของที่มีรูปร่าง อยู่เป็นกลุ่มก้อน แต่นับไม่ได้ ต้องระบุจำนวนมากน้อยโดยบอกเป็นปริมาณ และเป็นคำนามที่บ่งบอกถึงเนื้อวัตถุ จะมีรูปเป็นเอกพจน์และใช้กับกริยาเอกพจน์เสมอ เช่น rice, soap, gold, water, wood
คำนามวัตถุจะไม่ใช้คำกำกับนาม a/an นำหน้า เช่น
Rice is grown in Thailand.
We wash our hands with soap and water before meals.
Gold is very expensive these days.
วิธีระบุปริมาณของคำนามวัตถุ ต้องใช้ common noun มาช่วยแสดงปริมาณโดยใช้รูปแบบ
กลุ่มคำดังนี้
common noun + of + material noun เช่น
a glass of water | a jug of milk | |
a cup of tea | a loaf of bread | |
a bar of soap | a cube of sugar | |
a piece of paper | a bag of rice |
วิธีทำเป็นพหูพจน์ ต้องเปลี่ยนที่ common noun ดังนี้
He drinks two glasses of milk every morning.
She bought three loaves of bread.
Please give me five pieces of writing paper.
คำนามวัตถุจัดเป็นประเภทได้ดังนี้
พวกที่เป็นอาหาร ได้แก่ ประเภทเนื้อและพืชผลต่างๆ เช่น
meat mutton pork cheese bread beef rice
salt sugar fish butter curry milk wheat
พวกที่เป็นสารธรรมชาติและแร่ธาตุต่างๆ เช่น
gold silver iron oxygen metal stone wood
glass brick sand cement cotton earth copper
8) คำนามที่แสดงเพศ (gender) มีอยู่ 4 ประเภทคือ เพศชาย (masculine), เพศหญิง (feminine), เพศรวม (common gender) และไม่มีเพศ (neuter)
คำนามที่บ่งบอกเพศชายและเพศหญิง
– สำหรับเรียก คน (people)
M | F | M | F | |
boy | girl | man | woman | |
son | daughter | uncle | aunt | |
father | mother | husband | wife | |
nephew | niece | bachelor | spinster | |
gentleman | lady | bridegroom | bride | |
widower | widow | duke | duchess | |
king | queen | prince | princess | |
actor | actress | host | hostess | |
hero | heroine | waiter | waitress | |
salesman | saleswoman | god | goddess | |
heir | heiress | steward | stewardess |
– สำหรับเรียก สัตว์ (animals) ต่อไปนี้
M | F | M | F | M | F | |
drake | duck | bull | cow | cock | hen | |
gander | goose | ram | ewe | dog | bitch | |
tiger | tigress | lion | lioness |
คำนามที่บ่งบอกเพศรวม เช่น
boy – girl = child son – daughter = child
man – woman = person father – mother = parent*
cock – hen = fowl ram – ewe = sheep
* คำว่า parent ถ้าหมายถึงทั้งพ่อและแม่ จะเป็นพหูพจน์ คือ parents แต่ถ้าพูดถึงคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว คือ พ่อหรือแม่ ใช้เป็นเอกพจน์ คือ parent
คำนามไม่มีเพศ มักจะเป็นคำนามที่เรียกสิ่งของ เช่น book, table, television, telephone, camera, etc.
คำนามประสม (Compound Noun)
คำนามประสม ได้แก่ คำนามที่เกิดจากคำตั้งแต่ 2 คำขึ้นไปนำมาประสมกันเป็นคำใหม่ที่มักจะมีความหมายเดิมอยู่ด้วย เช่น winter clothes, river bank, bird-watching, dancing shoes, running stream แต่มีคำนามประสมบางคำที่มีความหมายต่างไปจากคำเดิมโดยสิ้นเชิง เช่น brainstorm (= a clever sudden idea), mother-tongue (= the first language that one learns from one’s parents)
คำนามประสมจะมีคำนามหนึ่งคำเป็นหลัก ดังเช่นโครงสร้างต่อไปนี้
1) Noun + Noun ส่วนมากจะให้ความหมายว่า ‘…ใช้สำหรับ….’
(=… used for/in …), ‘… เป็นของ….’ (= … of … ), ‘… ทำด้วย…’ ( = … made of …)
Ex: winter clothes (= clothes worn in winter)
river bank (= the bank of a river)
table-leg (= the leg of a table)
kitchen table (=the table used in a kitchen)
silver necklace ( = a necklace made of silver)
winter clothes เป็นพหูพจน์ คำที่เป็นเอกพจน์เมื่อต้องการทำเป็นรูปพหูพจน์ ต้องเติม s
ที่ท้ายคำหลัง ดังเช่น river banks, table-legs, kitchen tables, silver necklaces2) Noun + V ing ส่วนมากจะมีความหมายว่า การกระทำ (action/activity)
Ex: bird-watching (= activity of watching birds)
window shopping (= activity of looking at goods in shop windowswithout intending to buy the goods)
3) V ing + Noun ส่วนมากจะให้ความหมายว่า ‘…ใช้สำหรับ…’
(= …used for/in…), ‘…กระทำกิริยา…’ (= … does the action …)
Ex: dancing shoes (= shoes used for dancing)
dancing couple (= the couple that is dancing)
dining-room (= a room in a house, hotel, etc. where you eat meals)
คำที่เป็นเอกพจน์เมื่อต้องการทำเป็นรูปพหูพจน์ ต้องเติม s ที่ท้ายคำหลัง ดังเช่น dancing couples, dining-rooms4) Adjective + Noun ส่วนมากจะให้ความหมายว่า ‘…ใช้สำหรับ… ’
(= … used for/in …)
Ex: musical instrument (= instrument used for playing music)
คำที่เป็นเอกพจน์เมื่อต้องการทำเป็นรูปพหูพจน์ ต้องเติม s ที่ท้ายคำหลัง ดังเช่น musical instruments5) Phrasal Verb = Compound Noun and Noun + Adverb ความหมายมาจากคำกริยาเดิมหรือคำนามประกอบกับคำวิเศษณ์
Ex: cover up = cover-up
(phrasal verb) (compound noun)
The matter was well covered up and never reached the director.
The cover-up did not reach the director.passer + by = passer-by
(N) (ADV) (compound noun)
เมื่อต้องการทำเป็นรูปพหูพจน์ ต้องเติม s ที่ท้ายคำนาม เช่นMost passers-by stopped to watch the man’s performance.
6) Noun + Preposition + Noun ความหมายของคำนามประสมจะได้มาจากคำต่าง ๆ ที่รวมกันเป็นคำนามประสม
Ex: brother-in-law (= the brother of your husband or wife, etc. = related because of law)
lady-in-waiting (= a woman who looks after and serves a queen or princess)
เมื่อต้องการทำเป็นรูปพหูพจน์ ต้องเติม s ที่ท้ายคำนามคำแรกหรือเปลี่ยนคำนามคำแรกเป็นรูปพหูพจน์ เช่น brothers-in-law, ladies-in-waiting
ถ้าเป็นภาษาพูดหรือภาษาไม่เป็นทางการอาจเติม s ที่ law ให้เป็น laws เช่น brother-in laws และถ้าเรียกรวม จะใช้ว่า the in-laws (= ผู้ที่เกี่ยวดองทางกฎหมายหรือภาษาไทยพูดว่าพวกเขยสะใภ้)
คำนามประสมมีทั้งคำนามนับได้ เช่น alarm clock, baby-sitter, bride-to-be, parking meter, washing machine, etc. และคำนามนับไม่ได้ เช่น air conditioning, heart failure, washing powder, dry-cleaning, etc.
บางคำจะมีเฉพาะรูปที่เป็นเอกพจน์ เช่น general public, welfare state, mother tongue, greenhouse effect บางคำใช้เฉพาะรูปที่เป็นพหูพจน์ เช่น baked beans, natural resources, swimming trunks, winter sports, yellow pages, etc.