อาวุธชีวภาพในปัจจุบันยังคงไว้ซึ่งหลักการเดิมๆ แต่ได้พัฒนาหาวิธีการใช้ที่แตกต่างออกไปจากอดีต คือสามารถใช้ได้สะดวกขึ้น ได้ผลมากขึ้น คือฆ่ากันได้มากขึ้นนั่นเอง มีการเพาะเลี้ยงเชื้อโรคต่างๆเป็นจำนวนมาก และสามารถที่จะเก็บรักษาไว้ได้จนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องการใช้ ซึ่งอาจจะใช้วิธีโปรยลงมาจากเครื่องบิน หรือติดไปกับหัวรบขีปนาวุธยิงสู่เป้าหมาย
ดังที่ได้กล่าวไว้ในตอนต้นว่า การผลิตอาวุธชีวภาพนั้นทำได้ไม่ยากเลย ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ต้นทุนก็ไม่แพง ประเทศที่ยากจนสามารถผลิตได้เอง อาวุธชนิดนี้จึงเป็นขวัญใจคนยาก และที่ผ่านมาเคยมีการตรวจพบแหล่งอาวุธชีวภาพในอิรัก เมื่อปี ค.ศ. 1985 มีทั้งอาวุธเชื้อโรค และสารพิษที่ได้จากเชื้อโรค เช่น เชื้อแอนแทรกซ์ ซึ่งเป็นแบคมีเรียชนิดหนึ่ง พิษบอตทูลินัม ที่เป็นสารพิษที่ได้จากแบคทีเรีย พิษอะฟลาทอกซิน สารพิษที่ได้จากเชื้อรา และไรซิน สารพิษที่สกัดมาจากเม็ดละหุ่ง ครั้งนั้นเองที่ทำให้โลกต้องตื่นตะหนกและหันกลับมาสนใจ และคิดหาทางป้องกันในเจ้าอาวุธชีวภาพ ที่ค้นคิดโดยมนุษย์ และเป้าหมายคือสังหารมนุษย์ด้วยกัน มันก็แค่การค้นคิดที่จะหาวิธีฆ่ากันให้ได้คราวละมากๆ เพื่อช่วงชิงการได้เปรียบ เท่านั้นเอง เทคโนโลยีสารสนเทศและเทศโนโลยีชีวภาพ เฉพาะเทคโนโลยีชีวภาพนั้นมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เราจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม เทคโนโลยีชีวภาพเข้ามามีบทบาทต่อการดำรงชีวิตของคนเรามากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร การสาธารณสุข
เทคโนโลยีชีวภาพก็เหมือนเทคโนโลยีอื่นๆ ที่มีผู้นำประโยชน์ของเทคโนโลยีไปใช้ในทางลบ เช่น นำเอาสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายต่อพืช สัตว์ โดยเฉพาะมนุษย์มาใช้เป็นอาวุธทำลายล้างกัน ที่เรียกว่าอาวุธชีวภาพ ซึ่งเป็นมหันตภัยที่คุกคามมวลมนุษย์อย่างมาก สิ่งมีชีวิตที่นำมาใช้เป็นอาวุธชีวภาพได้แก่พวกจุลินทรีย์ ที่เป็นเชื้อโรค รวมทั้งชิ้นส่วนของจุลินทรีย์ เช่น สปอร์ หรือเส้นใยของราหรือแบคทีเรีย รวมทั้งพรีออน ( Prion : เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดโรคที่ไม่ใช่เซลล์และไม่มีสารพันธุกรรมมีแต่โปรตีน) และสารพิษที่สกัดจากสิ่งมีชีวิต
ชื้อโรคที่คาดว่าจะมีการนำมาใช้เป็นอาวุธชีวภาพ น่าจะเป็นเชื้อที่หาไม่ยาก
– เพาะเลี้ยงได้เชื้อเป็นจำนวนมากได้ง่าย เสียค่าใช้จ่ายน้อย
– ทำเป็นละอองของเหลวขนาด 1-10 ไมครอนได้
– ทนต่อแสงแดด ความร้อน ความแห้งได้ดี
– ก่อให้เกิดโรคที่รุนแรง และมีอัตราตายสูง
– เชื้อสามารถแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้
– ไม่มียารักษา ไม่มีวัคซีนป้องกันโรค
โรคที่น่าจะใช้เป็นอาวุธชีวภาพมากที่สุด 4 โรค ได้แก่ anthrax, กาฬโรค, ไข้ทรพิษ และ botulism
ตัวอย่างอาวุธชีวภาพที่น่าสนใจ..
Antrax หรือโรคกาลี เป็นเชื้อแบคทีเรียที่เป็นรูปแท่ง ทำให้เกิดโรคระบาดในสัตว์ส่วนใหญ่เป็นสัตว์กินหญ้า เช่น โค กระบือ และติดต่อมาถึงคน เมื่อคนสูดลมหายใจเอาสปอร์ของ เชื้อโรคนี้ที่อยู่ในอากาศเข้าไปสัมผัสหรือกินสัตว์ที่เป็นโรคนี้ ถ้าเข้าสู่ทางเดินอาหารจะทำให้อุจจาระร่วง อาจจะถ่ายออกมาเป็นเลือด ถ้าเข้าทางเดินหายใจจะทำให้เกิดปอดบวม หายใจไม่ออก ถ้าเข้าทางผิวหนัง ผิวหนังจะเป็นแผล
ข้อมูลเพิ่มเติม – ภาษาอังกฤษ
1. Information Paper – Anthrax as a Biological Warfare Agent
Smallpox หรือไข้ทรพิษ เป็นเชื้อไวรัสที่อยู่ในสภาพแห้งหรืออุณหภูมิได้นาน ถ้าผู้อ่านมีอายุประมาณ 40 – 50 ปี คงจำได้ว่า จะมีการฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียนตามโรงเรียนต่างๆ ซึ่งนักเรียนทุกคนต้องฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันไข้ทรพิษ แต่ในปี พ.ศ. 2523 ก็มีการหยุดฉีดวัคซีนกัน เนื่องจากองค์การอนามัยโลกประกาศว่าไข้ทรพิษหมดไปจากโลกนี้แล้ว โรคนี้พวกเรากลัวกันมาก เพราะเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจ ทำให้เกิดตุ่มนูนแดงทั่วตัวต่อมาตุ่มจะใสแล้วเป็นหนอง ถ้าเชื้อโรคนี้เข้าสู่กระแสเลือดจะกระจายไปทั่วร่างกายก็จะตายได้
ข้อมูลเพิ่มเติม – ภาษาอังกฤษ
2. Smallpox as a Biological Weapon: Medical and Public Health Management
Botulism เป็นแบคทีเรียรูปแท่ง สามารถสร้างสารพิษที่มีผลต่อระบบประสาททำให้เกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ รวมทั้งกล้ามเนื้อหัวใจ ติดต่อกันได้ทางการกินและบาดแผล เช่น กินอาหารกระป๋องที่มีพิษของแบคทีเรียนี้เข้าไปอาจทำให้ตายได้ พบว่าเพียง 1 กรัม ทำให้คนตายได้ถึง 1.5 ล้านคน
ข้อมูลเพิ่มเติม – ภาษาอังกฤษ
3. Botulinum Toxin as a Biological Weapon: Medical and Public Health Management
อาวุธชีวภาพมีฤทธิ์และพิษภัยร้ายแรงมากกว่าสารเคมีหลายเท่า เรามอง ไม่เห็น ไม่รู้รส และไม่ได้กลิ่น รับเข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว การป้องกันจึงทำได้ยาก
ขอชอบคุณข้อมูล https://www.baanjomyut.com/ และ https://www.scimath.org/