อาการเวลาหลับของแต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างกันออกไป บางคนชอบนอนตะแคง บางคนชอบนอนหงาย หรือบางคนก็อาจจะมีอาการแปลก ๆ อย่างชอบนอนละเมอ, นอนอ้าปาก เป็นต้น
แน่นอนว่าอาการเหล่านี้อาจไม่ได้เป็นผลมาจากความผิดปกติของร่างกาย หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นแต่อย่างใด แต่ในกรณีของการนอนอ้าปากนั้น ยังมีรายละเอียดที่ต้องระวังมากกว่าที่คิด
สาเหตุของการนอนอ้าปาก อาจเกิดจาก
1. การเป็นภูมิแพ้ มีน้ำมูกในรูจมูก รูจมูกบวม ทำให้เวลานอนหายใจไม่สะดวก ร่างกายจึงต้องหายใจทางปากแทน
2. การมีลิ้นไก่ยาว ทำให้ขัดขวางทางเดินหายใจได้เช่นกัน ร่างกายจึงต้องอ้าปากหายใจช่วยเช่นกัน ซึ่งลิ้นไก่ที่ยาวอาจทำให้มีอาการนอนกรนร่วมด้วย
3. เป็นโครงสร้างทางกายภาพของริมฝีปากในบางคนที่ปากจะไม่ปิดสนิทเมื่ออยู่ในภาวะผ่อนคลาย หรืออาจเกิดจากการมีฟันยื่นเหยิน
4. มีโรคหัวใจโต ทำให้เกิดเลือดคั่งในปอด หายใจได้ลำบาก ร่างกายต้องใช้การหายใจทางปากช่วย แต่มักมีอาการอื่นๆ ร่วมอีก เช่น เหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้ เท้าบวม เป็นต้น
ดังนั้นการแก้ไข ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เป็นค่ะ ในเบื้องต้นให้ลองใช้การนอนตะแดงดูว่าอาการบรรเทาหรือไม่
วิธีแก้ไข
สำหรับวิธีแก้ไขอาการนอนแล้วอ้าปากที่ง่ายที่สุดก็คือการเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนใหม่ เปลี่ยนท่าจากการนอนหงายเป็นนอนตะแคง จะช่วยให้ช่วยลดอาการนอนแล้วอ้าปาก หรือถ้าวิธีนี้แก้ไขไม่หายก็สามารถใช้วิธีการบริหารปากด้วยการฝึกหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหายใจออกยาว ๆ
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันหมั่นฝึกการหายใจทางจมูกในระหว่างวัน. หากคุณหายใจทางปากเป็นปกติในระหว่างวัน อาจเป็นไปได้ที่คุณจะหายใจทางปากในระหว่างนอนหลับด้วยเช่นกัน หากต้องการหยุดพฤติกรรมดังกล่าว ลองหมั่นสังเกตดูว่าคุณหายใจผ่านทางใดในระหว่างวัน และเมื่อไรก็ตามที่คุณพบว่าตัวเองกำลังหายใจทางปาก ให้คุณปิดปากลงและพยายามหายใจทางจมูกแทน
ยกศีรษะให้สูงในระหว่างนอนหลับ. ก่อนที่คุณจะเข้านอน ให้คุณเพิ่มหมอนซ้อนเข้าไปอีกใบหนึ่งสำหรับหนุนใต้ศีรษะ การยกศีรษะให้สูงสามารถช่วยป้องกันไม่ให้คุณอ้าปากในระหว่างนอนหลับได้
ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการหายใจโดยธรรมชาติของคุณ. การเดินหรือวิ่งเป็นการเพิ่มความต้องการออกซิเจนของร่างกายและส่งผลให้ร่างกายตอบสนองด้วยการสูดหายใจนำอากาศเข้าไปผ่านทางจมูกโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้การออกกำลังกายยังมีส่วนช่วยในการบรรเทาความเครียดที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณหายใจทางปากได้ ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ขอบคุณข้อมูล https://th.wikihow.com/ และ https://www.pobpad.com