สรุปตรรกศาสตร์ ม.4



ประพจน์ (Propositions หรือ Statements)
ประพจน์ คือ ประโยคหรือข้อความที่เป็นจริง (True) หรือเท็จ (False) อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ประโยคหรือข้อความที่มีลักษณะดังกล่าว จะอยู่ในรูปบอกเล่าหรือปฏิเสธก็ได้
ประโยคหรือข้อความที่ไม่มีค่าความจริงไม่จัดเป็นประพจน์ มักจะอยู่ในรูปประโยคคำถาม ประโยคคำสั่ง คำอุทาน ห้าม อ้อนวอน ขอร้อง แสดงความปรารถนา สุภาษิตคำพังเพย หรือประโยคที่ไม่สามารถหาค่าความจริงได้
ตัวอย่างประโยคหรือข้อความที่เป็นประพจน์
- จังหวัดนราธิวาสอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย (เท็จ)
- ประเทศไทยไม่ได้ตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย (เท็จ)
- 0 เป็นจำนวนจริง (จริง)
- 420 + (-120) = 300 (จริง)
- 12 x (-3) < (-10) x (-2) (จริง)
- ตัวประกอบเฉพาะของ 9 คือ 1 และ 3 (เท็จ)
- เมืองหลวงของพม่าคือ ย่างกุ้ง (เท็จ)
ตัวอย่างประโยคหรือข้อความที่ไม่เป็นประพจน์
- ช่วยเปิดหน้าต่างด้วยคะ (ขอร้อง)
- ทั้งหมดตรง (คำสั่ง)
- อย่าส่งเสียงดัง (ห้าม)
- อยากไปเขาใหญ่เหลือเกิน (ปรารถนา)
- โธ่ น่าสงสารจัง (คำรำพึง)
- อุ้ย ! ตกใจหมดเลย (อุทาน)
- เธอจะไปเที่ยวทะเลกับฉันหรือเปล่า (คำถาม)
- เขาเป็นนักกวีของไทย (หาค่าความจริงไม่ได้)
- ตารางค่าความจริง คือ ตารางที่สร้างขึ้นเพื่อบอกว่าค่าความจริงของแต่ละประพจน์คืออะไร โดยที่ตารางค่าความจริงจะต้องแสดงค่าความจริงของประพจน์ ในทุกกรณี ซึ่งจำนวนกรณีจะมีค่าเท่ากับ 2จำนวนประพจน์ย่อย2จำนวนประพจน์ย่อย
นิเสธ (∼)(∼)
นิเสธ คือ การที่เราจะเอาค่าความจริงที่อยู่ตรงข้ามกับค่าความจริงของประพจน์นั้น ตารางค่าความจริงของ ‘นิเสธ’ คือ
pp ∼p∼p TT FF FF TT หรือ (∨)(∨)
หรือ เป็นตัวเชื่อมประพจน์ที่บอกว่า ถ้ามีประพจน์ย่อยใดประพจน์นึงมีค่าความจริงเป็นจริงจะได้ว่าประพจน์นั้นมีค่าความจริงเป็นจริง ตารางค่าความจริงของ ‘หรือ’ คือ
pp qq p∨qp∨q TT TT TT TT FF TT FF TT TT FF FF FF หรือ (∨)(∨) จะให้ค่าความจริงเป็น เท็จกรณีเดียว เท่านั้น คือ F∨FF∨F
และ (∧)(∧)
และ เป็นตัวเชื่อมประพจน์ที่บอกว่าประพจน์จะมีค่าความจริงเป็นจริงเมื่อประพจน์ย่อยทั้งสองประพจน์มีค่าความจริงเป็นจริงเท่านั้น ตารางค่าความจริงของ ‘และ’ คือ
pp qq p∧qp∧q TT TT TT TT FF FF FF TT FF FF FF FF และ (∧)(∧) จะมีค่าความจริงเป็น จริงกรณีเดียว เท่านั้น คือ T∧TT∧T
ถ้าแล้ว (→)(→)
ถ้าแล้ว เป็นตัวเชื่อมที่ประพจน์ที่อยู่หน้าเครื่องหมายถ้าแล้ว จะเป็นเหตุ และ ประพจน์ที่อยู่หลังเครื่องหมายถ้าแล้วจะเป็นผล
เหตุ→ผลเหตุ→ผลตารางค่าความจริงของ ‘ถ้าแล้ว’ คือ
pp qq p→qp→q TT TT TT TT FF FF FF TT TT FF FF TT ถ้าแล้ว (→)(→) จะมีค่าความจริงเป็น เท็จกรณีเดียว เท่านั้น คือ T→FT→F
ก็ต่อเมื่อ (↔)(↔)
ก็ต่อเมื่อ เป็นตัวเชื่อมที่จะให้ค่าความจริงเป็นเมื่อทั้งสองประพจน์ที่เชื่อมมีค่าความจริงเหมือนกัน ตารางค่าความจริงของ ‘ก็ต่อเมื่อ’ คือ
pp qq p↔qp↔q TT TT TT TT FF FF FF TT FF FF FF TT ตารางค่าความจริงที่มีตัวเชื่อมมากกว่าหนึ่ง
ในการหาค่าความจริงของประพจน์ที่มีตัวเชื่อมมากกว่าหนึ่ง สิ่งแรกที่จะต้องรู้คือ เราจะต้องดูตัวเชื่อมตัวไหนก่อน ซึ่งหลักการลำดับของการหาค่าความจริงจะเหมือนกับลำดับของการบวกลบปกติ นั่นคือ ถ้ามีวงเล็บทำในวงเล็บก่อน ถ้าไม่มีวงเล็บให้ทำจากซ้ายไปขวา
-
ประพจน์ที่สมมูลกัน และ สัจนิรันดร์
ประพจน์ที่สมมูลกัน
ประพจน์ 2 ประพจน์จะสมมูลกัน ก็ต่อเมื่อ ประพจน์ทั้งสองมีค่าความจริงเหมือนกัน ทุกกรณีของค่าความจริงของประพจน์ย่อย
การทดสอบว่าประพจน์ 2 ประพจน์ สมมูลกัน ทำได้ 2 วิธีคือ
1. สร้างตารางแจกแจงค่าความจริง ค่าความจริงต้องตรงกันทุกกรณี
2. โดยการใช้หลักความจริงและประพจน์ที่สมมูลกันแบบง่ยๆที่ควรจำ เพื่อแปลงรูปประพจน์ไปเป็น
แบบเดียวกัน
ตัวอย่างประพจน์ที่สมมูลกันที่ควรทราบ มีดังนี้
p ∧ q สมมูลกับ q ∧ p
p ∨ q สมมูลกับ q ∨ p
(p ∧ q) ∧ r สมมูลกับ p ∧ (q ∧ r)
(p ∨ q) ∨ r สมมูลกับ p ∨ (q ∨ r)
p ∧ (q ∨ r) สมมูลกับ (p ∧ q) ∨ ( p ∧ r)
p ∨ (q ∧ r) สมมูลกับ (p ∨ q) ∧ ( p ∨ r)
p → q สมมูลกับ ~p ∨ q
p → q สมมูลกับ ~q → ~p
p ⇔ q สมมูลกับ (p → q) ∧ (q → p)
ประพจน์ที่เป็นนิเสธกัน
ประพจน์ 2 ประพจน์เป็นนิเสธกัน ก็ต่อเมื่อ ประพจน์ทั้งสองมีค่าความจริงตรงข้ามกันทุกกรณีของค่าความจริงของประพจน์ย่อย
ตัวอย่างประพจน์ที่เป็นนิเสธกันที่ควรทราบ มีดังนี้
~(p ∧ q) สมมูลกับ ~p ∨ ~q
~(p ∨ q) สมมูลกับ ~p ∧ ~q
~(p → q) สมมูลกับ p ∧ ~q
~(p ⇔ q) สมมูลกับ (p ⇔ ~q) ∨(q ⇔ ~p)
~(p ⇔ q) สมมูลกับ (p ∧ ~q) ∨ ( q ∧~p)
สัจนิรันดร์
สัจจะ แปลว่าจริง ส่วนนิรันดร์ แปลว่าตลอดกาล ประพจน์ที่เป็นสัจนิรันดร์ คือ ประพจน์ที่มีค่าความจริงเป็นจริง ทุกกรณีของประพจน์ย่อย
สัจนิรันดร์
สัจนิรันดร์ หมายถึง ประพจน์ที่มีค่าความจริงเป็นจริงทุกกรณี (ไม่มีกรณีที่เป็นเท็จแม้แต่กรณีเดียว)
ซึ่งเรามีวิธีการตรวจสอบความเป็นสัจนิรันดร์ของประพจน์ด้วยวิธีการต่างๆ 4 วิธี ได้แก่
1. การตรวจสอบโดยใช้ตารางค่าความจริง
2. การตรวจสอบโดยวิธีหาข้อขัดแย้ง
3. การตรวจสอบโดยใช้ความสมเหตุสมผล
4. การตราจสอบโดยใช้หลักของความสมมูล
1. การตรวจสอบโดยใข้ตารางค่าความจริง
ตัวอย่างที่ 1 จงตรวจสอบว่า ~q -> ~{( p -> q ) ^ p} เป็นสัจนิรันดร์หรือไม่
วิธีทำ เริ่มด้วยการสร้างตารางค่าความจริง
p q ~q p -> q ~{( p -> q ) ^ p} ~q -> ~{( p -> q ) ^ p} T T F T F T T F T F T T F T F T T T F F T T T T เพราะฉะนั้น จากตารางค่าความจริง เราจึงสรุปได้ว่า
~q -> ~{( p -> q ) ^ p} มีค่าความจริงเป็นจริงทุกกรณี
ดังนั้น ~q -> ~{( p -> q ) ^ p} เป็นสัจนิรันดร์
2. การตรวจสอบโดยวิธีหาข้อขัดแย้ง
ในกรณีนี้ เราจะตรวจสอบว่า “ประพจน์นั้นๆ มีโอกาสเป็นเท็จหรือไม่” โดยการสมมติให้ประพจน์นั้นๆ เป็นเท็จ แล้วแสดงให้เห็นว่าข้อสมมตินั้นเป็นไปไม่ได้ ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือ
1. p v q
จะมีค่าความจริงเป็นเท็จ เมื่อ p และ q มีค่าความจริงเป็นเท็จทั้งคู่
2. p -> q
จะมีค่าความจริงเป็นเท็จ เมื่อ p มีค่าความจริงเป็นจริง และ q มีค่าความจริงเป็นเท็จ เท่านั้น
3. การตรวจสอบโดยใช้ความสมเหตุสมผล
การตรวจสอบโดยวิธีนี้ ใช้กับประพจน์ที่อยู่ในรูปแบบ [ (p -> q) ^ p ] -> q หรือรูปแบบอื่นที่แบ่งประพจน์ออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นเหตุ กับ ส่วนที่เป็นผล (ข้อสรุป) ซึ่งประพจน์เขียนอยู่ในรูป เหตุ -> ผล (ข้อสรุป) เหตุอาจจะมี 2-3 ข้อ หรือมากกว่าก็ได้ แต่ทุกข้อต้องเชื่อมกันด้วยตัวเชื่อม
ในการตรวจสอบสัจนิรันดร์ ให้ตรวจสอบว่าการให้เหตุผลนั้น สมเหตุสมผลหรือไม่ ถ้าสมเหตุสมผล ประพจน์นั้นก็เป็นสัจนิรันดร์ ถ้าไม่สมเหตุสมผลจะไม่เป็นสัจนิรันดร์ ละในการตรวจสอบความสมเหตุสมผลนั้น จะต้องแยกออกเป็นข้อๆ
ตัวอย่างที่ 3 จงตรวจสอบว่า [((p -> q) ^ (p v r)) ^ ~r] -> q
วิธีทำ แยกประพจน์ออกเป็น เหตุ และ ผล แต่ละข้อ ดังนี้
เหตุ ได้แก่ 1. p -> q
2. p v r
3. ~r
ผล คือ q
จากเหตุข้อที่ 3 เราจะรู้ว่า r มีค่าความจริงเป็นเท็จ
แทนค่าความจริงของ r ลงในเหตุข้อที่ 2 จะทำให้ได้ค่า p ที่มีค่าความจริงเป็นจริง
แล้วจึงแทนค่า p ลงในเหตุข้อ 1 จะได้ค่า q ที่เป็นจริง
จึงสรุปได้ว่า การให้เหตุผลนี้สมเหตุสมผล
ดังนั้น ประพจน์ [((p -> q) ^ (p v r)) ^ ~r] -> q เป็นสัจนิรันดร์
4. การตรวจสอบโดยใช้หลักของความสมมูล
ซึ่งประพจน์ที่สมมูลกัน เมื่อนำมาเชื่อมกันด้วย <-> จะได้ประพจน์ที่เป็นสัจนิรันดร์ เช่น
p -> q ≡ ~p v q
p -> q ≡ ~q -> ~p
~( p ^ q) ≡ ~p v ~q
P ^ (q v r) ≡ (p ^ q) v (p ^ r)
ประพจน์ (p∨q)∧p(p∨q)∧p เป็นสัจนิรันดร์หรือไม่
จากประพจน์ที่กำหนดให้ จะมีประพจน์ย่อยทั้งหมดสองประพจน์ ดังนั้นสร้างตารางที่มีประพจน์สองประพจน์นี้ขึ้นมาp q จากนั้นให้เติมกรณีที่เป็นไปได้ทั้งหมด ซึ่ง จำนวนกรณีที่เป็นไปได้ทั้งหมดคือ 2n เมื่อ n คือจำนวนประพจน์ วิธีการเติมที่ง่าย และ ได้ครบทุกกรณีโดยไม่ตกหล่น คือ การเติมแบบกลุ่มกลุ่มละครึ่ง
เช่น ในข้อนี้ มีประพจน์ทั้งหมด 2 ประพจน์ ดังนั้นจะมีทั้งหมด 22= 4 กรณี เริ่มแรก เนื่องจากมี 4 กรณี จะได้ว่าครึ่งหนึ่งคือ2 ดังนั้นหลักแรกให้เติม T จำนวนสองตัว และ F จำนวนสองตัว จะได้p q T T F F จากนั้นให้ ให้ดูครึ่งนึงของ 22 จะได้ 11 ดังนั้นในหลักที่ 22 ให้เติม TT กับ FF สลับกันครั้งละหนึ่งตัว จะได้
p q T T T F F T F F เราก็จะได้กรณีที่เป็นไปได้ครบทั้งหมด
จากโจทย์เราต้องการค่าความจริงของประพจน์ (p∨q)∧p(p∨q)∧p จากตารางข้างบนเราไม่มีค่าความจริงของ p∨qp∨q ดังนั้นสร้างหลักของ p∨qp∨q เพิ่ม และเติมค่าความจริงให้เรียบร้อย จะได้p q p∨q T T T T F T F T T F F F ตอนนี้เรามีค่าความจริงครบทั้งหมดแล้ว ดังนั้นให้สร้างหลักสุดท้าย เป็นหลักของ ประพจน์ที่เราต้องการตรวจสอบ จะได้
p q p∨q (p∨q)∧p T T T T T F T T F T T F F F F F จากตารางด้านบนจะเห็นว่ามีสองกรณีที่ค่าความจริงของประพจน์ที่โจย์ถามนั้นเป็นเท็จ จึง ทำให้ได้ว่า ประพจน์นี้ ไม่เป็นสัจนิรันดร์
ตอบ ประพจน์ที่กำหนดให้ ไม่เป็นสัจนิรันดร์ตรวจสอบสัจนิรันดร์ โดย การสร้างตารางค่าความจริง
ประพจน์ (p∧q)→(p∨q)(p∧q)→(p∨q) เป็นสัจนิรันดร์หรือไม่
ใช้หลักการเดียวกันกับข้อข้างบนสร้างตารางค่าความจริง จะได้ตารางดังนี้p q (p∧q) (p∨q ) (p∧q )→(p∨q ) T T T T T T F F T T F T F T T F T F F T จากตารางค่าความจริงที่สร้างขึ้น จะเห็นว่า ทุกกรณีที่เป็นไปได้ มีค่าความจริงเป็นจริงทั้งหมด ดังนั้นประพจน์ที่กำหนดให้เป็นสัจนิรันดร์ ตอบ ประพจน์ที่กำหนดให้เป็นสัจนิรันดร์
-
การอ้างเหตุผล คือ
การอ้างเหตุผล คือ การอ้างว่า เมื่อมี ข้อความ (ประพจน์) ชุดหนึ่งแล้วเราสามารถสรุป ข้อความหนึ่งได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ การหาผลสรุป จากข้อความ (เหตุ) ที่กำหนดนั่นเอง
ตัวอย่าง เช่น
1. ถ้าเราสอบได้ที่หนึ่ง แล้ว แม่จะซื้อโทรศัพท์ใหม่ให้
2. เราสอบได้ที่หนึ่งเราจะได้ผลสรุป ว่า แม่จะซื้อโทรศัพท์ใหม่ให้
ประโยคด้านบนอาจจะดูสมเหตุสมผลตามหลักเหตุผลที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่ในเรื่องตรรกศาสตร์เรา ก็มีประพจน์อีกหลายรูปแบบที่ สมเหตุสมผล แต่คิดในใจก็อาจจะ งง ๆ เช่น
1. ถ้า สมศรีสอบได้ที่หนึ่ง แล้ว สมศรีเรียนเก่ง
2. ถ้า สมชายเรียนต่อต่างประเทศ แล้ว สมชายเก่งภาษาอังกฤษ
3. สมศรีสอบได้ที่หนึ่ง หรือ สมชายเรียนต่อต่างประเทศผล คือ สมศรีเรียนเก่ง หรือ สมชายเก่งอังกฤษ
ถามว่าการสรุปผลด้านบนมีความสมเหตุสมผล ใช่ครับมันสมเหตุสมผล แต่มันก็มองดูยากนิดนึง ถ้าคิดแบบไม่ใช้ตรรกศาสตร์มาช่วย
-
การอ้างเหตุผล
การอ้างเหตุผลคือ การอ้างว่า เมื่อมีประพจน์ p1,p2,…pn, ชุดหนึ่ง แล้วสามารถสรุปประพจน์ C ประพจน์หนึ่งได้ การอ้างเหตุผลประกอบด้วยส่วนสำคัญสองส่วนคือ เหตุหรือสิ่งที่กำหนดให้ ได้แก่ ประพจน์ p1,p2,…pn, และ ผลหรือข้อสรุป คือ ประพจน์ C โดยใช้ตัวเชื่อม ∧ เชื่อมเหตุทั้งหมด เข้าด้วยกัน และใช้ตัวเชื่อม → เชื่อมส่วนที่เป็นเหตุกับผลดังนี้
(p1 ∧ p2 ∧ … ∧ pn,) → C
จะกล่าวว่า การอ้างเหตุผลนี้ สมเหตุสมผล (valid) ถ้ารูปแบบของประพจน์ (p1 ∧ p2 ∧ … ∧ pn,) → C เป็นสัจนิรันดร์ และจะกล่าวว่า การอ้างเหตุผลนี้ ไม่สมเหตุสมผล (invalid) ถ้ารูปแบบของประพจน์ (p1 ∧ p2 ∧ … ∧ pn,) → C ไม่เป็นสัจนิรันดร์ ดังนั้น ในการตรวจสอบความสมเหตุสมผลจึงใช้วิธีเดียว กับการตรวจสอบสัจนิรันดร์
ตัวอย่าง
กำหนดให้ p และ q เป็นประพจน์ จงพิจารณาว่าการอ้างเหตุผลต่อไปนี้สมเหตุสมผลหรือไม่
เหตุ
- p→q
- p
ผล q
วิธีทำ ขั้นที่ 1 ใช้ ∧ เชื่อมเหตุเข้าด้วยกัน และใช้ → เชื่อมส่วนที่เป็นเหตุกับผล จะได้รูปแบบของประพจน์คือ [(p → q) ∧ p]→q
ขั้นที่ 2ตรวจสอบรูปแบบของประพจน์ที่ได้ว่าเป็นสัจนิรันดร์หรือไม่ สมมติให้[(p → q) ∧ p]→q เป็นเท็จ
จากแผนภาพ แสดงว่า รูปแบบของประพจน์ [(p → q) ∧ p]→q เป็นสัจนิรันดร์
ดังนั้น การอ้างเหตุผลนี้สมเหตุสมผล
ตัวอย่าง
กำหนดให้ p และ q เป็นประพจน์ จงพิจารณาว่าการอ้างเหตุผลต่อไปนี้สมเหตุสมผลหรือไม่
เหตุ
- p→q
- ∼p
ผล ∼q