สร้างเด็กฉลาดแบบวิธีทางวิทยาศาสตร์
ประเทศฟินแลนด์ ได้รับการยอมรับว่า มีคุณครูที่ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพในการจัดการศึกษาสำหรับเด็ก มีหลักสูตรซึ่งถูกต้องตรงตามพัฒนาการทุกด้านของเด็ก มีแบบทดสอบซึ่งมีคุณภาพไม่ใช่แบบทดสอบทางด้านไอคิว ซึ่งทำให้เด็กเครียดและเสียเวลา แต่เป็นแบบทดสอบซึ่งออกแบบโดยครูผู้เชี่ยวชาญในการสังเกตเด็กในชั้นเรียนทุกวัน บรรยากาศในชั้นเรียนเต็มไปด้วยความปลอดภัยอบอุ่น และตอบสนองต่อความต้องการของเด็กเฉพาะในแต่ละบุคคล ในช่วงฤดูหนาวเด็ก ๆ จะมีโอกาสได้ออกไปสัมผัสกับหิมะที่เพิ่งตกใหม่ ๆ ได้เล่นกับลูกสน เราได้ยินเสียงเด็กหัวเราะอย่างมีความสุขในทุก ๆ วัน นักการศึกษาของฟินแลนด์ กล่าว
10 วิธีต่อไปนี้นั้นการันตีโดยข้อมูลทางสถิติและวิทยาศาสตร์
1. เรียนดนตรี
ผลการศึกษาพบว่า การเรียนดนตรีจะทำให้เด็กๆ ฉลาดขึ้น เมื่อเปรียบเทียบระดับไอคิว (IQ) ระหว่างกลุ่มเด็กที่เรียนดนตรี กับกลุ่มเด็กที่ไม่ได้เรียนดนตรี พบว่ากลุ่มที่เรียนดนตรีจะมีไอคิวโดยรวมสูงกว่า
2. เล่นกีฬา
สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ส่งผลให้เด็กๆ เรียนรู้ได้ดีขึ้น ในปี ค.ศ. 2007 นักวิจัยชาวเยอรมันพบว่า คนเราจะสามารถท่องจำคำศัพท์ได้เร็วขึ้น 20% หลังจากการออกกำลัง นอกจากนี้จากการศึกษาของ นพ.จอห์น ราเทย์ ค้นพบว่าเมื่อให้กลุ่มอาสาสมัครออกกำลังกายเป็นประจำ เป็นระยะเวลา 3 เดือน สมองส่วนที่ควบคุมความจำจะทำงานได้ดีขึ้นถึง 30%
3. อ่านหนังสือกับลูก
ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีลูกเล็กๆ ที่กำลังเริ่มหัดอ่านหนังสือ อย่าปล่อยให้ลูกนั่งมองภาพสวยๆ ขณะที่คุณพ่อคุณแม่อ่านหนังสือให้ฟังเท่านั้น แต่ควรให้ลูกอ่านคำบางคำในหนังสือไปด้วย คุณพ่อคุณแม่ควรอ่านไปพร้อมๆ กับลูก ไม่ใช่อ่านให้ลูกฟังเพียงอย่างเดียว
4. นอนหลับอย่างเพียงพอ
ผู้เชี่ยวชาญพบว่าการนอนหลับไม่เพียงพอเพียง 1 ชั่วโมง จะทำให้สมองของเด็ก ป. 6 มีประสิทธิภาพลดลงไปเท่ากับเด็ก ป.4 และผลการเรียนของเด็กๆ ก็มีความเกี่ยวข้องกับระยะเวลาในการนอนหลับด้วย
5. ไอคิว (IQ) ไม่สำคัญเท่าความมีวินัย
ความมีวินัยต่อตัวเองส่งผลต่อการประสบความสำเร็จมากกว่าผลคะแนนไอคิว (IQ) เด็กๆ ที่มีความมุ่งมั่นจะมีผลการเรียนที่ดีกว่า และสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้มากกว่า เด็กกลุ่มนี้จะไม่ค่อยหยุดเรียน ไม่ค่อยดูโทรทัศน์ และจะใช้เวลาในการทำการบ้านและทบทวนบทเรียนมากกว่า เด็กกลุ่มนี้จะตั้งเป้าหมายในชีวิต และเพียรพยายามจนสำเร็จ พวกเขาสามารถฝ่าฟันอุปสรรคโดยไม่ย่อท้อหรือล้มเลิกกลางคัน
6. เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ
เมื่อนักวิจัยลองให้เด็กเล็กเรียนคำศัพท์ผ่านการดูจากดีวีดีเพียงอย่างเดียว พบว่าเด็กๆ ไม่สามารถจำคำศัพท์ได้มากเท่ากับกลุ่มที่เรียนคำศัพท์ผ่านการเล่นและลองฝึกฝนจริง สมองของมนุษย์จะเรียนรู้ได้ดีกว่าเมื่อผ่านการทดลองปฏิบัติจริง ดังนั้นหลังจากเด็กๆ อ่านหนังสือจบ คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลองทำแบบฝึกหัดควบคู่ไปด้วยทุกครั้ง เพื่อให้สมองสามารถจดจำและเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น
7. ของหวานก็มีประโยชน์ หากให้กินในเวลาที่เหมาะสม
แน่นอนว่าเด็กๆ ที่ได้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจะเรียนหนังสือได้ดีขึ้น เมื่อนักทดลองเปรียบเทียบเด็กกลุ่มที่ได้กินอาหารที่มีประโยชน์ กับกลุ่มที่กินอาหารไม่มีประโยชน์ พบว่าเด็กๆ ที่กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ติดต่อกันนาน 5 วัน จะมีสมาธิลดลงและความคิดช้าลง
อย่างไรก็ตาม ยังมีผลการวิจัยล่าสุดพบข้อดีของอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เช่น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และของหวานว่ามีผลช่วยทำให้สมาธิและความจำดีขึ้น ดังนั้นหากเด็กๆ กำลังเคร่งเครียดกับการอ่านหนังสือสอบ คุณพ่อคุณแม่อาจให้กินน้ำอัดลมและขนมชิ้นโปรดบ้างก็ได้ เพียงแต่อย่าให้กินบ่อยจนเกินไป
8. เด็กที่มีความสุขประสบความสำเร็จมากกว่า
เด็กที่มีความสุขจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องงานและ เรื่องครอบครัว พวกเขาจะได้ทำงานตำแหน่งสูง มีรายได้ดี และเมื่อพวกเขาแต่งงาน พวกเขาจะไม่ค่อยหย่าร้าง
9. สิ่งแวดล้อมที่ดีมีผลต่อความฉลาด
แม้พันธุกรรมจะมีผลต่อความฉลาดของเด็ก แต่การเลี้ยงดูและ “สิ่งแวดล้อม” กลับส่งผลต่อความฉลาด “มากกว่า” เมื่อนักวิจัยศึกษากลุ่มเด็กที่เป็นบุตรบุญธรรม พบว่าแม้พวกเขาจะไม่ได้มีพันธุกรรมเหมือนพ่อแม่บุญธรรมเลย แต่ความฉลาดของเด็กกลุ่มนี้ ขึ้นกับการเลี้ยงดูของพ่อแม่บุญธรรมมากกว่า
นอกจากครอบครัวแล้ว ชุมชนที่เด็กอาศัยอยู่ และสังคมในโรงเรียนก็มีผลต่อความฉลาดของเด็กๆ เช่นเดียวกัน
เมื่อวิทยาลัยดาร์ทเม้าท์ ทดลองนำนักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยต่ำ ไปนั่งเรียนในห้องที่มีแต่นักเรียนเกรดเฉลี่ยสูงๆ ปรากฏว่านักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยน้อย กลับกลายเป็นมีเกรดเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
10. เชื่อมั่นในตัวลูก
การที่พ่อแม่เชื่อว่าลูกเราเป็นเด็กฉลาด สามารถสร้างความแตกต่างต่อพฤติกรรมของลูกได้มาก
เมื่อนักทดลองให้ครูเลือกเด็กในชั้นเรียนแบบสุ่ม (โดยไม่ได้บอกเด็กๆ ว่าเป็นการเลือกแบบสุ่ม) และให้ครูบอกกับเด็กที่ถูกเลือกว่า พวกเขาฉลาดกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ในห้อง ผลปรากฏว่าพวกเขาสามารถเรียนได้ดีขึ้นจริงๆ
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากความฉลาดแล้ว “คุณธรรม”และ”จริยธรรม” ก็เป็นส่วนสำคัญ เมื่อเด็กๆ มีความฉลาดแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็อย่าลืมปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรม
ให้กับเด็กๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้นำความฉลาดไปใช้อย่างถูกวิธี และทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป
ขอบคุณที่มา
ที่มา: http://www.realparents.tv/tips-for-parents/smartkid
แปลมาจาก : http://time.com/…/how-to-make-your-kids-smarter-10-steps-ba…
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.smh.com.au/national/this-is-why-finland-has-the-best-schools-20160324-gnqv9l.html