รถยนต์ไร้คนขับ การพัฒนาอุสาหกรรมยานยนต์ จากวิศวะกรด้านยานยนต์ ที่มุ่งมั่นมาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถเข้ารองรับ การขับขี่ที่พัฒนา ได้อย่างปลอดภัย ด้วยการทำงานของการขับขี่ โดยไร้คนขับ ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนา การขับขี่รถยนต์ มาอย่างยาวนาน เป็นการพัฒนาการขับเคลื่อน ที่สามารถขับเคลื่อนได้เอง
ตามเส้นทาง สู่จุดหมายที่ต้องการ การออกแบบที่รองรับ การขับขี่แบบไร้คนขับนี้ เป็นการพัฒนายานยนต์ เพื่อโลกอนาคต จนเป็นผลสำเร็จ รถยนต์อัจฉริยะ ที่ไร้คนขัยนี้ ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และพัฒนามาอย่างยาวนาน รองรับการป้องกัน การเกิดอุบัติเหตุ ด้วยระบบเซ็นเซอร์ ที่ป้องกัน การเกิดอุบัติเหตุ รถยนต์ในอนาคต
เส้นทางที่ให้ผู้ใช้บริการ ไปยังจุดหมายด้วย ความปลอดภัย เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ซึ่งการพัฒนา รูปแบบนี้ เป็นการพัฒนา เพื่อให้สอดคล้อง กับโลกในยุคปัจจุบัน ที่มีการคิดค้น พลังงานทดแทน แล้วยังมีการพัฒนา รูปแบบการขับขี่อีกด้วย การขับขี่รถยนต์แบบไร้คนขับ ถือว่าเป็นอีกความสะดวก ที่มีให้ผู้ใช้บริการ รถยนต์ไฟฟ้า
ได้ใช้งานด้วยความสะดวก ปลอดภัย ที่ประกอบขึ้นมา จากเทคโนโลยีที่พัฒนา อย่างต่อเนื่อง และรถยนต์ไร้คนขับนี้ เป็นเทคโนโลยี ที่ช่วยลดอุบัติเหตุ บนท้องถนนได้อีกด้วย สำหรับในยุโรป ได้รับการยอมรับ เป็นอย่างดีอีก และลดพลังงานได้อีกด้วย เมื่อแรกเริ่ม ที่มีการพัฒนา รถนต์ไร้คนขับ คนทั่วไปยังคิดว่า เป็นเรื่องไกลตัว งานวิจัยรถยนต์ไร้คนขับ
การพัฒนาระบบ -ความปลอดภัย- ของรถยนต์ไร้คนขับ
เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกปลอดภัย มากยิ่งขึ้น การใช้งาน ของรถยนต์ที่ถูก พัฒนาและประกอบขึ้น ถือว่าเป็นเรื่อง ที่น่ายินดี ในด้านเทคโนโลยี เพื่อการขับขี่ และมีผลโดยตรง เพราะสามารถ ช่วยลดอุบัติเหตุ บนท้องถนน การทดลองขับ ของบริษัทที่พัฒนา รถยนต์ไร้คนขับนี้ ยังไม่สามารถนำมาใช้งาน บนท้องถนนได้จริง ยังคงควบคุม ให้สามารถใช้งานได้
รถยนต์ไฟฟ้าสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
- รถยนต์ไฮบริดพลังงานไฟฟ้าแบบชาร์จไม่ได้ (Hybrid-electric Vehicles หรือ HEV) เป็นรถยนต์ประเภทที่มีเครื่องยนต์เหมือนกับที่ใช้ในรถยนต์น้ำมันทั่วไป แต่มีขนาดที่เล็กกว่า และใช้การผสมผสานการสร้างพลังงานจากเครื่องยนต์สันดาป หรือเครื่องยนต์ใช้น้ำมันและจากการชาร์จกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไฟฟ้า
- รถยนต์ไฮบริดพลังงานไฟฟ้าแบบชาร์จได้ (Plug-in Hybrid Electric Vehicles หรือ PHEV) เป็นประเภทของรถยนต์ที่ต่างกับ HEV ทั่วไป เพราะมีการใส่มอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับชาร์จกระแสไฟฟ้าเพิ่มเข้ามาทำงานควบคู่ไปกับเครื่องยนต์สันดาป
- รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่โดยสมบูรณ์ (Battery Electric Vehicles หรือ BEV) เป็นรถยนต์ประเภทที่มีแต่มอเตอร์ไฟฟ้า ไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน ตัวมอเตอร์จะชาร์จพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ไฟฟ้าและสร้างแรงบิดให้รถยนต์ขับเคลื่อน
ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่เป็นที่นิยมมากนักเนื่องด้วยยังมีราคาแพงกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ประกอบกับประสิทธิภาพของรถยนต์ไฟฟ้าเองก็ยังต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันทั่วไป แต่ด้วยการลงทุนวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ที่ทำให้เก็บพลังงานได้มากขึ้น ต้นทุนการผลิตลดลง และความตระหนักในเรื่องการลดมลภาวะโดยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ผู้บริโภคจึงมีแนวโน้มที่จะหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
รถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Car หรือ Self-driving Car) หรือรถยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยไม่ต้องอาศัยคนควบคุม เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีด้านยานยนต์ที่มีแนวโน้มจะเข้าสู่ตลาดโลกเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองอัตโนมัติเป็นการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีต่างๆ ดังนี้
- Navigation หรือระบบแผนที่ ซึ่งประกอบด้วยระบบการระบุตำแหน่งของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจากดาวเทียม และระบบแผนที่เสมือนจริงที่เก็บรวบรวมข้อมูลในคลังข้อมูลดิจิทัล ทั้งนี้ ข้อมูลที่เก็บคือข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการวิ่งของรถบนถนน เช่น ตำแหน่งของไฟจราจร ตำแหน่งทางม้าลาย ป้ายสัญญาณห้ามเลี้ยวขวา ความกว้างของเลนถนน รวมถึง ความเร็วสูงสุดที่กฎหมายอนุญาตให้รถวิ่งได้ในถนนแต่ละเส้น รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจะใช้ระบบแผนที่ซึ่งประมวลผลร่วมกับระบบ Sensor เพื่อเพิ่มความถูกต้องและแม่นยำในการตัดสินใจ
- Computer Vision หรือระบบที่ทำหน้าที่เป็นตาและหูให้กับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมเมื่อรถวิ่ง
- Deep Learning หรือระบบประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ ทำหน้าที่เหมือนสมองของรถยนต์ไร้คนขับ เป็นระบบที่ทำให้รถยนต์อัตโนมัติสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองจากการประมวลผลข้อมูลที่รับมาจากระบบ Computer Vision
- Robotics หรือระบบที่เชื่อมต่อระบบประมวลผลส่วนกลางเข้ากับระบบเครื่องจักรต่างๆ ในตัวรถโดยทำหน้าที่เสมือนเส้นประสาทที่เชื่อมต่อสมองของมนุษย์เข้ากับแขนขาและส่วนต่างๆ ของร่างกาย
-ขอบคุณแหล่งข้อมูล https://uskoolines.com/ และ https://www.depa.or.th/