-
conjunction (คอนจังชั่น) แปลว่า “การเชื่อม, คำสันธาน” แบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ
1.correlative conjunction (คะเรลละทีฟว์ คอนจังชั่น) =คำเชื่อมที่เกี่ยวเนื่องกัน
2.compound conjunction (คอมเพาน์ดฺ คอนจังชั่น) =คำเชื่อมที่ผสมกัน
3.coordinating conjunction (โคะออดิเนทิง คอนจังชั่น) =คำเชื่อมที่เท่ากัน
4.subordinating conjunctions (ซะบอร์ดิเนทิง คอนจังชั่น) =คำเชื่อมย่อย
Correlative Conjunction
-Correlative conjunction (คอร์เรละทีฟว์ คอนจั่งชั่น) แปลว่า “คำเชื่อมต่อที่สัมพันธ์กัน” เช่น:-
-or =หรือ
-either …or =อย่างใดอย่างหนึ่ง….หรือ
-neither… nor =ไม่ทั้งสอง
-both… and =ทั้ง….และ
-not only…and but also =ไม่เพียงแต่…..และ แต่ยัง
-not… but =ไม่ได้….แต่
-though… yet =แต่….ยัง
-whether …or =ไม่ว่าจะเป็น….หรือ
-such …as = อาทิ….เช่น
-as …so =เป็น….ดังนั้น
-so… as =เพื่อให้เป็น, ดังเช่น
-so…that =ดังนั้น
-such… that =เช่นนั้น
-as… as =เท่า, เพียงดัง, เสมอเหมือน
-hardly… when =แทบจะไม่ได้….เมื่อ
-no sooner …than =ไม่เร็ว….กว่า
-scarcely… when =แทบจะไม่….เมื่อ
-กลุ่มคำแสดงการแบ่งรับแบ่งสู้ใช้คำสันธานเหล่านี้คือ or, either…..or, neither….nor, or else, otherwise
-or = หรือ
-either……or =ไม่……ก็ (ในสองอย่างให้เลือกอย่างหนึ่ง)
-neither…..nor =ไม่ทั้ง….และ…. (ไม่เอาทั้งสองอย่าง)
-or else = หรือมิฉะนั้น
-otherwise = มิฉะนั้น
ประโยคตัวอย่าง
-You may drink beer or solf drink.
=คุณอาจจะดื่มเบียร์หรือน้ำอัดลมก็ได้.
-Either she or you must come here to-night.
=ไม่หล่อนก็คุณจะต้องมาที่นี่คืนนี้.
-Neither she nor you will be paid.
=ทั้งหล่อนและคุณจะไม่ต้องจ่าย.
-They must leave at once”, or else” they will miss the train.
=พวกเขาจะต้องออกไปทันทีหรือมิฉะนั้นพวกเขาก็จะไม่ทันรถไฟ.
-You have to buy otherwise rice will run out.
=คุณจะต้องซื้อมิฉะนั้นข้าวจะหมด.
-Button up your overcoat, otherwise you’ll catch cold.
=จงติดกระดุมเสื้อกันหนาวของคุณมิฉะนั้นคุณจะเป็นหวัด.
Compound Conjunction
-compound conjunction (คอมเพาน์ดฺ คอนจังชั่น) แปลว่า “คำสันธานที่ผสมกัน”
-Compound Conjunction คือ กลุ่มคำศัพท์ที่ถูกนำมาใช้เหมือนคำสันธานทั่วไป
เช่นกลุ่มคำต่อไปนี้ คือ:-
-in order that =เพื่อว่า
-on condition that =ตราบเท่าที่
-even if =ถึงแม้ว่า
-so that =ดังนั้น
-provided that =หากว่า
-as though =ราวกับว่า
-as well as =ตลอดจน
-as soon as =เร็วๆนี้
-as if =ราวกับว่า
ประโยคตัวอย่าง
-The notice was published in order that all might know the facts.
=คำประกาศถูกจัดพิมพ์เพื่อว่าทุกคนอาจจะรู้ความจริง.
-He will live there on condition that he was still breathing.
=เขาจะอาศัยอยู่ที่นั่นตราบเท่าที่เขายังมีลมหายใจ.
-I would love her even if she would not beautiful.
=ผมจะรักเธอถึงแม้ว่าเธอจะไม่สวยงามก็ตาม.
Coordinating Conjunction
-Coordinating conjunction (โคะออดิเนทิง คอนจังชั่น) แปลว่า “คำเชื่อมที่เท่ากัน”
-Coordinating conjunction คือ คำสันธานที่ใช้เชื่อม กลุ่มคำ หรืออนุประโยค (clauses) ที่มีความสำคัญเสมอกัน หรือ เป็นชนิดเดียวกัน เข้าด้วยกัน เช่น:-
-and =และ
-or =หรือ
-but =แต่
-for =เพราะ, ด้วยว่า
-nor =ไม่, และไม่, และก็ไม่เหมือนกัน
-also =ด้วย, ด้วยเหมือนกัน, เช่นเดียวกัน
-either…or =อย่างใดอย่างหนึ่ง…หรือ
-neither…nor =ไม่ทั้งสอง
And
-Dale spoke impressively at the meeting and won the appreciation of all.
=เดลพูดในที่ประชุมได้ประทับใจมาก และเขาก็เอาชนะใจทุก ๆ คนได้.
Either…or
-You can either go or stay.
=คุณสามารถไปหรือพักอยู่ก็ได้.
-I can’t remember her name. It’s either Marie or Mary.
=ฉันจำชื่อของเธอไม่ได้.มันคือ Marie หรือ Mary.
-She is either eat or sleep allnigh.
=หล่อนไม่กินก็นอนตลอดคืน.
Niether…nor
-She is neither sit nor sleep allnigh.
=เธอไม่ได้นั่งไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน.
-Neither my wife nor I can attend the party.
=ทั้งภรรยาของผมและผมไม่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงได้.
-This bird lives neither in Japan nor in China.
=นกตัวนี้ไม่อาศัยอยู่ทั้งในญี่ปุ่นทั้งในจีน.
Subordinating Conjunction
-Subordinating conjunction (ซะบอร์ดิเนทิง คอนจังชั่น) แปลว่า “คำสันธานย่อย”
-Sub-ordinating conjunction คือ คำสันธานที่เชื่อม ประโยค Noun clause หรือ
ประโยค Adverb clause เข้ากับประโยคอื่น ๆ อธิบายอีกนัยหนึ่งว่า sub-ordinating conjunction คือคำสันธานที่ใช้เชื่อมอนุประโยค หรือกลุ่มคำ ที่ไม่เสมอกันทางไวยากรณ์ เข้าด้วยกัน ซึ่งโดยมากแล้ว sub-ordinating conjunction จะทำหน้าที่เป็นเหมือน กิริยาวิเศษณ์ (Adverb) ที่ใช้ตอบคำถาม when’ where’ why, how โดยอนุประโยคที่ตามหลัง sub-ordinating conjunction นั้นจะทำหน้าที่ขยายคำกิริยา (verbs) ขยายคำคุณศัพท์ (Adjectives) และขยายคำ กิริยาวิเศษณ์ (Adverbs) เช่น:-
-after =หลังจาก
-because =เพราะว่า
-if =ถ้า
-that =ที่
-though =
-although (ออลโธ) =แม้ว่า, ถึงแม้ว่า
-till =จนกระทั่ง, จนถึง, จนกว่า
-before =ก่อน
-unless =เว้นแต่
-as =ตาม เหมือน เนื่องจาก เหมือนกับ ราวกับ เพราะ
-when =เมื่อไหร่
-where =ที่ไหน, ตรงไหน, จุดไหน
-while =ขณะ, ในขณะที่
-than =กว่า
After
-You cm read this letter after I have read it.
=คุณสามารถอ่านจดหมายฉบับนี้ได้ หลังจากที่ผมได้อ่านจบแล้ว.
**หมายเหตุ:- sub – ordinating conjunction จะไม่ใช้เชื่อมประโยค Adjective clause เข้ากับประโยคอื่น เพราะประโยค Adjective clause จะถูกเชื่อมเข้ากับประโยคอื่นโดยใช้ Relative pronouns หรือ Relative adverbs
หน้าที่ของ Conjunctions
1.เชื่อมคำกับคำ กิริยาของประโยคต้องเป็นพหูหจน์เสมอ เช่น:-
-Sam and Robert are playing tennis.
=แซมกับโรเบิร์ตกำลังเล่นเทนนิส.
(เป็นการเชื่อมคำสองคำคือคำว่า ‘Sam’ กับ ‘Robert’)
2.เชื่อมประโยคต่อประโยค เช่น:-
-Boonma is a good man but he is unlucky.
=บุญมาเป็นคนดีแต่เขาไม่ค่อยโชค.
(เชื่อมประโยค (1) Boonma is a good man และ (2 ) he is unlucky )
3.เชื่อมวลีกับวลี เช่น:-
-I do my homework before down or after five.
=ฉันทำการบ้านก่อนค่ำหรือไม่ก็หลังจาก 5 โมงเย็น.
4.เชื่อมอนุประโยคกับประโยค เช่น:-
-She cries because her father died.
=เธอร้องไห้เพราะพ่อของเธอตาย.
Conjunction สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ได้ 3 กลุ่มด้วยกัน
1.Coordinating Conjunction
คือคำสันธานที่ใช้เชื่อมคำหรือประโยคสองอันเข้าด้วยกัน โดยสองข้อความที่ถูกเชื่อมนั้นจะต้องมีน้ำหนักหรือความสำคัญเท่ากัน เช่น and, yet, but, for, so, nor, neither, or
And
-and ใช้เชื่อมประโยคที่เป็นไปในทางเดียวกัน แปลว่า “และ” เช่น:-
-I love you and you love me too.
=ฉันรักเธอ และ เธอก็รักฉัน.
But and Yet
-but และ yet ใช้เชื่อมประโยคที่ขัดแย้งกัน แปลว่า “แต่” เช่น:-
-My brother worked hard but he did not succeed.
=พี่ชายของฉันทำงานหนัก แต่ เขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ.
-She designs simple yet [=but] elegant clothing.
=เธอยังออกแบบ แต่ เสื้อผ้าที่เรียบง่ายสง่างาม.
For
-for ใช้เชื่อมประโยคที่เป็นเหตุเป็นผลกัน โดย for จะแสดงเหตุ ส่วนตัวผลจะแปลว่าเพราะ เช่น:-
-He went in, for the door was open.
=เขาเข้าไป เพราะ ประตูเปิดอยู่. (สังเกต for จะนำหน้าประโยคที่เป็นเหตุ)
So
-so ใช้เชื่อมประโยคที่เป็นเหตุเป็นผลกัน โดย so จะแสดงผล แปลว่า “ดังนั้น”
เช่น:-
-The door was open so he went in.
=ประตูเปิดอยู่ ดังนั้น เข้าจึงเข้าไป. (สังเกต so จะนำหน้าประโยคที่เป็นผล)
Nor and neither
-nor และ neither ใช้เชื่อมประโยคที่เป็นไปในเชิงปฏิเสธทั้งคู่ แปลได้ว่า “ไม่ทั้งสองอย่าง” เช่น:-
-He nor I was there.
=เขาและฉัน ไม่ ได้อยู่ที่นี่. (มาจาก He wasn’t there and I weren’t there.)
-Neither my wife nor I can attend the party.
=ทั้งภรรยาของฉันและฉันสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยง.
-Neither wood nor plastic conducts heat like metal does.
=ทั้งไม้พลาสติกมิได้ดำเนินการให้ความร้อนเช่นโลหะไม่.
-I neither know nor care.
=ผมไม่ทราบว่ามิได้ดูแล.
Or
-or ใช้เชื่อมประโยคที่แสดงทางเลือก (แปลว่า หรือ) เช่น:-
-She wants to watch TV or (to) listen to some music.
=เธอไปดูทีวี หรือ ไปฟังเพลง ( to หน้า listen อาจละไว้ได้)
2. Subordinating Conjunction คือคำสันธานที่ใช้เชื่อมประโยคใจความรองเข้ากับประโยคใจความหลัก เช่น after, because, if, although, before, since, that, unless, until, when, as soon as
After
-after (อ๊าฟเทอะ) แปลว่า “หลังจาก” เช่น:-
-The girl cried after the boy left.
=เด็กหญิงร้องไห้ หลังจาก เด็กชายจากไป.
Because
-because (บีคอส) แปลว่า “เพราะว่า” เช่น:-
-The boy was absent because he was ill.
=เด็กชายขาดเรียน เพราะว่า เขาป่วย.
If
-if (อิ๊ฟ) แปลว่า “ถ้าหาก” เช่น:-
-Stay indoors if it rains.
=อยู่ในร่ม ถ้าหากฝนตก.
Although
-although (ออลโธ) แปลว่า “ถึงแม้ว่า”
-Although it was cold, I went swimming.
=ถึงแม้ว่า จะหนาวแต่ฉันก็จะไปว่ายน้ำ.
Before
-before (บีฟอร์) แปลว่า “ก่อน” เช่น:-
-Clean the room before I go.
=ทำความสะอาดห้อง ก่อน ที่ฉันจะไป.
Since
-since (ซินซฺ) แปลว่า “ตั้งแต่, เนื่องจาก, เนื่องด้วย” เช่น:-
-He has been busy since he came.
=เขายุ่งตั้งแต่เขามา.
That
-that (แฑท) แปลว่า “ที่, ว่า, ซึ่ง, เพราะ”
-Work that everyone can make.
=จงทำงานที่ทุกคนสามารถทำได้.
-I think that she will come today.
=ผมคิดว่าหล่อนจะมาในวันนี้.
Unless
unless (อันเลส) แปลว่า “เว้นแต่” เช่น:-
-I’ll be there at nine, unless the train is late.
=ฉันจะอยู่ที่นั้นตอนเก้าโมง เว้นแต่ รถไฟจะมาสาย.
Untill
-until (อันทิล) แปลว่า “จนกระทั่ง” เช่น:-
-They did not come until the meeting was half over.
=พวกเค้าไม่มา จนกระทั่ง การประชุมผ่านไปเกินกว่าครึ่ง
When
when (เว็น) แปลว่า “ในขณะที่”
-He is impatient when he is kept waiting.
=เขาจะหงุดหงิด ในขณะที่ เขาต้องรอ.
As soon as
as soon as แปลว่า “ทันทีที่”
-I’ll leave for the funeral as soon as the meeting ends.
=ฉันจะออกจากที่นี่เพื่อไปงานศพ ทันทีที่ ประชุมเสร็จ.
3. Correlative Conjunction คือคำสันธานที่ต้องใช้คู่กันเสมอ(มาคู่กันเหมือนแฝด) โดยจะทำหน้าที่คล้ายๆกับ Coordinating Conjunction คือเชื่อมประโยคที่มี
ความสำคัญเท่ากันครับ เช่น:-
-not only…..but also =ไม่เท่านั้น……แต่อีกด้วย
-either…..or =ไม่…..หรือ, ก็
-as…..as =เท่า, เพียงเท่า, เสมอเหมือน
-so as to =เพื่อที่จะเป็น
-both…..and =ทั้ง….และ
not only…..but also
-เช่น:- Man needs not only food but also shelter.
=มนุษย์ไม่เพียงแต่ต้องการอาหารเท่านั้นยังต้องการที่พักอาศัยอีกด้วย.
either…..or
-เช่น:- You can either sleep or eat.
=คุณไม่นอนหลับก็กิน. (ประมาณว่าเลือกได้ว่าจะนอนหรือจะกิน อะไรจะสบายขนาดนั้นว่าไหมครับ)
as…..as
-as…..as เป็นการใช้เชื่อมประโยคที่แสดงอะไรที่เท่ากัน เช่น:-
-She runs as fast as I do.
=เธอวิ่งเร็วเท่าฉัน. (นำคำที่เราต้องการเปรียบเทียบใส่ไปในระหว่าง as กับ as จากตัวอย่างใส่คำว่า fast เป็นการเปรียบเทียบความเร็ว)
so as to
-so as to แปลว่า “เพื่อที่จะ” เช่น:-
-I study hard so as to pass the exam.
=ฉันเรียนหนักเพื่อที่จะได้สอบผ่าน. (to ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 ไม่เติม s)
both….and
-both … and แปลว่า “ทั้ง…และ” เช่น:-
-I enjoy both singing and dancing.
=ฉันมีความสุขกับการร้องเพลงและการเต้น.
หากจะมานั่นไล่เรียงถึง Conjunction ทีละตัวละก็ ผมว่าเราคงจะต้องพูดกันจนผมหงอกแน่ๆครับ (แฮ่ๆ อาจจะเกินจริงไปนิด เพียงแค่ผมอยากจะบอกว่าความจริง Conjunction มีเยอะมากครับ)
หน้าที่ของคำสันธาน
1.เชื่อมนามกับนาม เช่น:-
-Time and tide no wait anyone.
=เวลาและสายน้ำไม่คอยใคร.
-Time และ tide เป็นคำนามทั้งสองตัวเมื่อเชื่อมต่อด้วย and ก็กลายเป็นนามพหูพจน์เพราะฉะนั้นกิริยาจึงไม่เติม s
2.เชื่อมนามกับสรรพนาม เช่น:-
-James and I go to school every day.
=เจมส์และฉันไปโรงเรียนทุกวัน.
3.เชื่อมสรรพนามกับสรรพนาม เช่น:-
-You and he are both wrong.
=คุณและเขาผิดทั้งสองคน.
-you และ he เป็นสรรพนามเอกพจน์ เมื่อต่อด้วย and ก็กลายเป็นสรรพนามพหูพจน์
4.เชื่อมกริยากับกริยา เช่น:-
-She sat down and cried.
=เธอนั่งลงและร้องไห้.
5.เชื่อมคุณศัพท์กับคุณศัพท์ เช่น:-
-I have a white and black cat at home.
=ฉันมีแมวสีดำและสีขาวที่บ้าน.
6.เชื่อมกริยาวิเศษณ์กับกริยาวิเศษณ์ เช่น:-
-Every cat moves slowly and silently.
=แมวทุกตัวเคลื่อนย้ายไปอย่างช้าๆและอย่างนิ่งเงียบ.
7.เชื่อมบุรพบทกับบุรพบท เช่น:-
-Do not walk up but down the hill.
=อย่าเดินขึ้นแต่เดินลงเนินเขา.
8.เชื่อมวลีกับวลี เช่น:-
-Not speaking much but speaking well denotes the truly wise.
=อย่าพูดมากแต่การพูดดีแสดงว่าฉลาดอย่างแท้จริง.
-Making goodness and making merit are good things
=การทำคุณงามความดีและการทำบุญเป็นสิ่งที่ดี.
9.เชื่อมอนุประโยคกับอนุประโยค เช่น:-
-We help him because he is poor but he is a good man.
=พวกเราช่วยเหลือเขาเพราะเขายากจนแต่เขาเป็นคนดี.
-My father siad Mrs.Mary who was an american that he known for many years.
=พ่อของผมพูดกับนางแมรี่ซึ่งเป็นชาวอเมริกาที่เขารู้จักกันมานานหลายปีแล้ว.
10. เชื่อมประโยคกับประโยค เช่น:-
-He worked hard but he did not succeed.
=เขาทำงานหนักแต่ก็ไม่สำเร็จ.
Subordinate Conjunction
Subordinate Conjunction สันธานที่เชื่อมลงไปแล้วทำให้ประโยคนั้นป็น Complex Sentence (ประโยคที่มีเนื้อความซ้อนหรือสังกรประโยคทันที)” ข้อที่ Subordinate Conjunctions (อนุสันธาน) แตกต่างจาก Co-ordinate Conjunctions(สมนธาน) ก็ “Subordinate Conjunctions ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่กลางประโยคเหมือน Co-ordinate Conjunction แต่อาจวางไว้ข้างหน้าประโยคก็ได้” เช่น:-
“If” you want me, I will come. (= I will come “if” you want me.)
Subordinate Conjunctions ที่ใช้มากมีดังต่อไปนี้:
-that, when, where, why, how, while, before, until (till), if, after, since, because, unless, as, which, although (though), lest [เผื่อว่า…จะไม่], as soon as, as…as, whether, etc.
คำที่กล่าวมานี้ เมื่อนำไปใช้เชื่อมประโยค เพื่อให้เป็น Complex Sentence แบ่งออกได้เป็น 9 ชนิดย่อย ๆ ตามลักษณะการใช้ คือ:-
1. เชื่อมความเพื่อแสดงเวลา (Time)
2. เชื่อมความแสดงเหตุผล (Reason)
3. เชื่อมความแสดงความมุ่งหมาย (Purpose)
4. เชื่อมความแสดงผลตามหลัง (Result)
5. เชื่อมความเพื่อแสดงการคาดคะเน เงื่อนไข หรือสมมติ (Condition)
6. เชื่อมความยอมรับ หรือแตกต่างกัน (Concession)
7. เชื่อมความแสดงการเปรียบเทียบ (Comparison)
8. เชื่อมความแสดงขนาดหรืออาการ (Exten หรือ Manner)
9. เชื่อมความซ้อนซึ่งใจความที่อยู่ข้างหน้า (Apposition)
Conjunctive Adverbs
กิริยาวิเศษณ์เชื่อมต่อจะมีเครื่องหมาย ; นําหน้า ตามด้วยเครื่องหมาย , หรืออาจใช้ขึ้นต้นประโยคแล้วใช้ เครื่องหมาย , ตามก็ได้ เช่น:-
-accordingly (อะคอร์ดิ่งลี่) =ดังนั้น, เพราะฉะนั้น, ตาม
-for example =ตัวอย่างเช่น, เป็นต้นว่า, เป็นตัวอย่าง
-in fact =ในความเป็นจริง, แท้ที่จริง, จริงอยู่, โดยที่จริง
-nevertheless (เนฟเวอะเธเลส) =แต่, แม้กระนั้น
-also =ด้วยเหมือนกัน, เช่นเดียวกัน
-for instance =เช่น, อาทิ, ดังเช่น, เป็นต้นว่า
-instead (อินสะเทด) =แทน
-or else (ออร์ เอลซฺ) =หรืออย่างอื่น, มิฉะนั้น, งั้น
-besides (บีไซดฺ) =อนึ่ง, นอกจากนั้น, ยิ่งไปกว่านั้น
-however =อย่างไรก็ตาม, ประการใด, ตาม
-meanwhile =ในขณะเดียวกัน, บัดนั้น, พร้อมๆกัน, ในระหว่างนั้น, ในเวลานี้
-otherwise (อัธเธอะไวสฺ) =มิฉะนั้น, อีกอย่างหนึ่ง, อีกประการหนึ่ง, งั้น, คนละอย่าง
-consequently (คอนซะเควนทลี่) =ดังนั้น, เพราะฉะนั้น
-in addition (แอดดิชั่น) =นอกเหนือจากนี้, มิหนำซ้ำ
-moreover =ยิ่งไปกว่านั้น
-therefore (แฑร์ฟอร์) =ดังนั้น, เพราะฉะนั้น, เช่นนั้น
-so =ดังนั้น
-still (สะทิล) =สงบ, เงียบ, ราบรื่น
-then (เธ็น) =แล้วก็, ก็, จึง, ค่อย, ถัดมา, อีกประการหนึ่ง, ตอนนั้น, เมื่อนั้น
-thus (ธัส) =ดังนั้น, ดังนี้, เช่นนี้, ด้วยเหตุฉะนี้, แล้วจึง
-yet =แต่, กระนั้น, ยัง, อีก, เดี๋ยวนี้
However
-however ทำหน้าที่เป็น adverb เช่น:-
-I’d like to go there; however, I’d better not.
=ฉันต้องการที่จะไปที่นั้น;จะอย่างไรก็ตาม, ฉันไม่ไปดีกว่า.
-The forecast is bad. It’s possible, however, that conditions could improve.
-However, I have to go there.
=ถึงอย่างไรก็ตามผมจะต้องไปที่นั่นให้ได้.
-however ทำหน้าที่เป็น conjunction เช่น:-
-Do it however you like.
=จงทำมันตามที่คุณชอบ.
-I will help however I can.
=ฉันจะช่วยตามที่ฉันสามารถจะทำได้.
Instead
-I decided to call instead of writing.
=ฉันตัดสินใจที่จะเรียกแทนการเขียน.
-Instead of buying a new car, I brought a used one.
=แทนการซื้อรถคันใหม่, ฉันนำรถคันหนึ่งมาใช้.
คําสันธานมีทั้งที่เป็นคําเดี่ยวและเป็นกลุ่มคํา สามารถแยกออกได้เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ดังต่อไปนี้
1.คําที่แสดงความคล่อยตามกันหรือเพิ่มเติมข้อความ (Addition แอดดิชั่น =การเพิ่ม)
-actually (แอคชวลลี่) =แท้จริง, ด้วยใจจริง, ตามความเป็นจริง
-besides =นอกจาก, นอกจากนั้น, อีกด้วย, นอกเหนือจากนี้
-likewise (ไลค์ไวซฺ) =ในทำนองเดียวกัน, อย่างเดียวกัน
-as a matter of fact =แท้จริงแล้ว, แท้ที่จริง
-again =อีกครั้ง
-certainly (เซอเทนลี่) =อย่างแน่นอน, ชัวร์
-similarly (ซิมอิลาร์ลี่) =เหมือนกับ, เสมือน
-in addition to =นอกจาก, อนึ่ง
-and =และ
-indeed =จริง, จริงๆ
-on top of that =ยิ่งไปกว่านั้น
-not only…..but also =ไม่เพียง….แต่ยัง
-also =อีกด้วย, เหมือนกัน, เช่นเดียวกัน, ด้วย
-moreover (มอร์โอเวอะ) =ยิ่งไปกว่านั้น, อนึ่ง, นอกจากนั้น, นอกจากนี้, ยิ่งกว่านี้
-above all =เหนือสิ่งอื่นใด
-both…..and =ทั้ง….และ
-then =ก็, แล้วก็
-furthermore in fact (เฟอร์เธอะมอร์ อิน แฟคทฺ) =นอกจากนี้ในความเป็นจริง
-neither…..nor =ไม่ทั้งสอง
ประโยคตัวอย่าง
-He is not only tired but also hungry.
=เขาไม่เพียงแต่เหนื่อยแต่ยังหิวอีกด้วย.
-George neither admits nor deny the accusation.
=จอร์จไม่ยอมรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหา.
2.คําที่แสดงทางเลือก (Alteration ออลเทอะเรชั่น =การเปลี่ยนแปลง, การเลือก)
-Or =หรือ
-either…..or =อย่างใดอย่างหนึ่งหรือ
-alternatively =อีกทางเลือกหนึ่ง
-on the other hand =ในทางกลับกัน, ในอีกแง่หนึ่ง เช่น:-
-My daughter writes letters or sends e-mail to me every week.
=ลูกสาวของฉันเขียนจดหมายหรือส่งอีเมลถึงฉันทุกสัปดาห์.
3.คําที่แสดงเหตุและผล (Reason/Cause and Result)
-แสดงเหตุ เช่น:-
-as long as =ตราบเท่าที่, ตราบใด
-because =เพราะว่า
-since =ตั้งแต่, เนื่องจาก
-owing to (โอวิ่ง ทู) =เนื่องจาก
-then =จึง, ค่อย, แล้วก็
-thus =ดังนั้น, เช่นนั้น
-แสดงผล เช่น:-
-as a result =ผลที่ตามมา
-hence =ด้วยเหตุนี้, ด้วยเหตุฉะนี้
-accordingly =ตาม, ดังนั้น
-for this reason =สำหรับเหตุผลนี้
-therefore =ดังนั้น, เพราะฉะนั้น, เช่นนั้น
-consequently =ดังนั้น, เพราะฉะนั้น, จึง
-because of this =เพราะเรื่องนี้ เช่น:-
-I will lend you my textbook as long as you keep it clean.
=ฉันจะให้คุณยืมตำราเรียนของฉันนานเท่าที่คุณรักษามันให้สะอาด.
-Tom was sick; consequently, he didn’t come to your birthday party.
=ทอมป่วยดังนั้นเขาจึงมางานเลี้ยงวันเกิดของคุณไม่ได้.
4.คําที่แสดงการเปรียบเทียบ (Comparison)
-as…..as =เท่า, เสมอเหมือน
-as if as =ราวกับว่าเป็น
-though (โธ) =แม้, แม้กระนั้น
-likewise =ในทำนองเดียวกัน
-similarly (ซิมมิละลี่) =เหมือนกับ
-equally (อีคอลลี่) =พอๆกัน, ไล่เลี่ยกัน, โดยเท่าเทียมกัน
-correspondingly (คอริชพอนดิงลี่) =ต้องกัน, ตรงกัน, ตามส่วน
-just as =เช่นเดียวกับที่
-just the same as =เพียงเช่นเดียวกัน
-in a like manner =ในลักษณะเช่น
-in the same way =ในทางเดียวกัน
-in the same manner =ในลักษณะเดียวกัน
-เช่น:-
-As my income increases, my expenditure correspondingly increases.
=ขณะที่การเพิ่มขึ้นของรายได้ของฉัน, ค่าใช้จ่ายของฉันก็เพิ่มขึ้นเหมือนกัน.
5.คําที่แสดงการสรุป (Conclusion and Summary)
-finally (ไฟแนลลี่) =ในที่สุด
-after all =หลังจากนั้น
-all in all = ในทุก
-in short =ย่นยอ, สังเขป
-in brief =สั้น, ย่อ, สรุป, โดยสังเขป
-briefly (บรีฟลี่) =รวบรัด, สรุป, สั้น
-in conclusion (ค็อนคลูซั่น) =ในที่สุด
-to conclude (ค็อนคลูด) = สรุป, จบ, ยุติ, ลงเอย, สุดสิ้นลง, อวสาน
-on the whole =เมื่อนั้น, ในทั้งหมด
-in summary to =ในการสรุปการ
-summarize (ซัมมะไรซฺ) =สรุป
-to sum up =เพื่อสรุป
เช่น:-
-In short, John is broke.
=ในระยะสั้นๆจอห์นถูกทำลาย.
-On the whole, Mr. Bush is a good administrator.
=ในทั้งหมดนายบุชเป็นผู้บริหารที่ดี.
6.คําที่แสดงเงื่อนไข (Condition) เช่น:-
-if as =ถ้าเป็น
-long as =ตราบใดที่, ยาวเท่าที่
-only if =เพียงแค่
-unless =เว้นแต่, จนกว่า, นอกจาก
-suppose =สมมติ, สมมุต, ดีเสียว่า, อุปโลกน์, โมเม, คาดคะเน, นึกเอา, กะๆ, ตั้ง,สมมติฐาน, นึกเห็น, นึกไว้
-on the condition that =บนเงื่อนไขที่ว่า
-when =เมื่อไหร่
-supposing =เผื่อว่า
-provided that (โพรไวดิด แฑท) =หากว่า
-while =ขณะที่
-that assuming that =ที่สมมติว่า
-assume (แอสซัม) =สมมติว่า
-When I go to the post office, I always buy new stamps.
=เมื่อฉันไปยังทำการไปรษณีย์ฉันซื้อแสตมป์ใหม่เสมอ.
7.คําที่แสดงความขัดแย้งและการยอมรับ (Contrast/Opposition and Concession)
-however = ถึงอย่างไรก็ตาม
-nevertheless (เนฟเวอะเทเลส) =แต่ว่า
-although (ออลโท) =มาตรว่า, แม้ว่า
-in contrast (คอนแทรสท์) =ในทางตรงกันข้าม, ตรงกันข้าม
-still =ยังคง
-nonetheless (นอนเดอะเลส) =กระนั้น
-though =แม้, แม้กระนั้น, แม้น
-of course =แน่นอน
-but =แต่, แต่ทว่า
-alternatively (ออลเทอะเนทีฟว์ลี่) =อีกทางเลือกหนึ่ง
-while =ขณะ, ขณะที่
-on the other hand = ในอีกแง่หนึ่ง, ในอีกทางหนึ่ง
-instead (อนสะเทด) =แทน, แทนที่
-conversely (คอนเวอสฺลี่) =โดยตรงกันข้าม
-whereas (แวร์แอส) =แต่ทว่า
-on the contrary (คอนทระรี่) =ในทางตรงกันข้าม
-rather (ราเธอะ) =ค่อนข้าง
-otherwise (อัธเธอะไวซ์) =มิฉะนั้น
-yet =ยัง, อีก, นอกไปกว่านี้
-in spite of that =ทั้งๆที่ว่า
-after all =หลังจากนั้นทั้งหมด
-for all that =สำหรับทุกสิ่งที่
-even so =แต่กระนั้น
-in spite of the fact that =ทั้งๆที่ความจริงที่ว่า fact (แฟคท์)=ความจริง
-by contrast (คอนแทรสทฺ) =ตรงกันข้าม
-at the same time = ในเวลาเดียวกัน
-You should do the homework; otherwise you’ll be punished.
=คุณต้องทำการบ้านมิฉะนั้นคุณจะถูกลงโทษ.
-Anne is careful whereas John makes a lot of mistakes.
=แอนน์ระมัดระวังในขณะที่จอห์นทำผิดพลาดมาก.
8.คําที่แสดงตัวอย่าง (Exemplification)
-especially (เอ็สเพคเซียลี่) =โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
-for example =เป็นตัวอย่าง
-for instance =เช่น, เป็นตัวอย่าง, เป็นอุทาหรณ์ instance (อินสะทันซ) = ตัวอย่าง
-including (อนคลูดิ่ง) =รวมไปถึง, ตลอดจน
-such as =เช่น, ดังเช่น, เป็นต้นว่า
-as follows =ดังต่อไปนี้
-particularly (พาร์ทิคคิวละลี่) =โดยเฉพาะ
-chiefly (ชีฟลี่) =ส่วนใหญ่
-mainly (เมนลี่) =ส่วนใหญ่
เช่น:-
-People use personal computers for many things, for example, shopping,
visiting the library or working.
=ประชาชนใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหลายอย่างตัวอย่างเช่น การจ่ายตลาด, การเยี่ยมชมห้องสมุด, หรือการทำงาน.
9.คําที่แสดงการเน้น (Emphasis)
-also =ด้วย, เหมือนกัน, กับ
-indeed (อินดีด) =จริง, จริงๆ, ตามความเป็นจริง, แน่นอนแล้ว
-certainly (เซอเทนลี่) =อย่างแน่นอน, มั่นใจ, ชัวร์
-in fact =ในความเป็นจริง, จริงอยู่, แท้จริง
-really =จริง, จริงๆ, แท้จริง
-actually (แอ็คซวลลี่) =แท้จริง, จริงอยู่, แท้
-particularly (พาร์ทิคคิวละลี่) =โดยเฉพาะ, เฉพาะ
-in particular (พาร์ทิคคิวล่าร์) =โดยเฉพาะอย่างยิ่ง,โดยเฉพาะ, เจาะจง, จู้จี้, พิถีพิถัน
เช่น:-
-Our friends also enjoy popular music.
=เพื่อนของพวกเราสนุกสนานกับเพลงฮิต.
10.คําที่แสดงลําดับก่อนหลัง (Sequence)
-การเริ่มต้น:-
-first =แรก, ก่อน, เป็นครั้งแรก
-firstly =ขัอแรก, ประการแรก, ก่อนอื่น
-first of all =ก่อนอื่นทั้งหมด, ก่อนอื่น
-in the first place =ในครั้งแรก
-to begin =การเริ่มต้น
-with initially =โดยครั้งแรก initially (อินนิเซียลลี่)=ในชั้นต้น, ระยะแรก
-in the beginning =ในการเริ่มต้น
-to start with =การเริ่มต้นด้วย, จะเริ่มต้นด้วย
-originally =เดิมที, จำเดิม, แต่เดิม
-ลําดับต่อไป:-
-second =ที่สอง, วินาที, พิลิปดา, วิลิปดา, ครั้งที่สอง, ชั้นที่สอง
-secondly (เซคั่นลี่) =ในประการที่สอง
-next =ต่อไป, ถัดไป
-then =แล้วก็, เมื่อนั้น, ตอนนั้น, จึง, ก็
-subsequently (ซับสะเควนท์ลี่) =ต่อมา
-after =หลังจาก
-after that =หลังจากนั้น
-furthermore (เฟอเธอะมอร์) =นอกจากนี้
-meanwhile =ในขณะเดียวกัน
-เหตุการณ์เกิดพร้อมกัน:-
-in the meantime =ขณะเดียวกัน
-as soon as =เร็วๆนี้, ในไม่ช้า
-meanwhile =ในขณะเดียวกัน
-shortly =สั้น, ย่อ, ในไม่ช้า
-after that =หลังจากนั้น, จากนั้น
-simultaneously (ไซมัลเท-เนียซลิ) = ในเวลาเดียวกัน, พร้อมกัน
-ลําดับสุดท้าย:-
-eventually (อีเวนชวลลี่) =ลงท้าย, ในที่สุด,
-finally (ไฟนัลลี่) =ในตอนท้าย, ในที่สุด, ครั้งสุดท้าย, ในบั้นปลาย
-in the end =ในที่สุด, ผลสุดท้าย
-lastly =ในที่สุด, สุดท้ายนี้
-at last =ในที่สุด
-to conclude =สรูป, ลงเอย
-(คันคลูด’) {concluded,concluding,concludes} vt. ลงเอย,สิ้นสุดลง,สรุป,ลงมติ,ตัดสินใจ. vi. สิ้นสุดลง,ลงเอย,ลงความเห็น,ตัดสินใจ
-in conclusion (คันคลูซั่น) =สรูปแล้ว
เช่น:-
-In the beginning, everything seemed to be difficult for me.
=ในขั้นเริ่มต้นทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนว่าจะยากสำหรับข้าพเจ้า.
-After the conference, we mentioned that matter to him again.
=หลังจากการประชุมที่พวกเรากล่าวถึงเรื่องกับเขาอีกครั้ง.
-As soon as John arrived, it rained.
=เมื่อจอห์นมาถึงไม่นานฝนก็ตก.
-Finally, the same techniques of therapy are used by healers all over the word.
=สุดท้ายเทคนิคเดียวกันของการรักษาจะถูกใช้โดยหมอทั่วทุกคำ
-healer (ฮีเลอร์)n. =หมอ
11.คําที่แสดงการพูดซ้าหรือขยายความ (Restatement/Clarification)
-or =หรือ
-briefly (บรีฟลิ) =สั้น, สรูป, ย่อ, โดยสังเขป
-in the end =ในที่สุด
-specifically (สพิซิฟิแคลลี่) =เฉพาะ, โดยเฉพาะ
-in other words =อีกนัยหนึ่ง, กล่าวคือ
-that is the way =ว่าเป็นพิธี เช่น:-
-The doctor advised my friend specifically not to eat spicy food.
= หมอแนะนำเพื่อนของฉันโดยเฉพาะว่าอย่ากินอาหารเผ็ด.