เมื่อกล่าวถึงโดรนแล้ว มีผู้เล่นในตลาดอยู่หลายราย ทั้งบริษัทในตะวันตกและเอเชีย แต่หากสังเกตดูให้ดี จำนวนโดรน 7 ใน 10 ตัวที่คุณเห็นบินไปบินมาในที่ต่าง ๆ นั้นเป็นของบริษัท Da-Jiang Innovations Science and Technology (DJI) มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน และเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายโดรนที่ครองส่วนแบ่งการตลาดโดรนทั่วไปและการพาณิชย์ทั่วโลกถึง 85% ในปัจจุบัน
ไอเดียจากหอพักแคบ ๆ สู่บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก
DJI ก่อตั้งในปี 2006 ซึ่งเกิดจากไอเดียเล็ก ๆ ของ Frank Wang Taoซีอีโอและผู้ก่อตั้ง DJI ภายในห้องพักนักศึกษาในมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง และเขาเป็นนักธุรกิจสตาร์ทอัพที่ต่างจากนักธุรกิจชื่อดังทั่วไปตรงที่เขาไม่ได้มีดีกรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลก
Wangเป็นคนที่เรียนได้เกรดไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งตัวเขาเองยอมรับว่า เขาใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับเครื่องบินมากเกินไป จนเกรดไม่สวยพอที่จะเข้ามหาวิทยาลัยใหญ่ ๆ อย่าง MIT หรือ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในสหรัฐอเมริกาได้ตามที่พ่อแม่ตั้งใจ แต่ในปี 2003 Wang ได้รับเลือกให้เข้าศึกษาต่อในภาควิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ในมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกงแทน
สามปีในรั้วมหาวิทยาลัย Wang ได้รับทุนวิจัยจากทางมหาวิทยาลัย 18,000 เหรียญฮ่องกง (ประมาณ 77,000 บาท) เพื่อทำโครงการงานวิจัยและพัฒนาระบบควบคุมการบินของเฮลิคอปเตอร์บังคับขึ้น อันเป็นส่วนหนึ่งของงานวิทยานิพนธ์ก่อนจบ แต่โชคร้ายที่โครงการนี้ล้มเหลว เพราะเกิดความเสียหายในคืนสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นนำเสนอผลงาน
อนาคตของ DJI
DJI จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และหัวใจสำคัญอีกประการที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในเรื่องของรายได้และผลกำไรคือ ทุกอย่างทำและผลิตกันเองในบริษัท ดังนั้น จึงสามารถควบคุมเรื่องต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการทำงานและแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที
“หากมีข้อผิดพลาด เราสามารถแก้กันที่นี่ได้เลยในวันเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกแบบไปจนถึงสินค้าตัวอย่าง” Chenบอก
นั่นแปลว่า ปัจจุบัน ทุกการสื่อสารของทุกการพัฒนาหรือแก้ปัญหาจะยังคงอยู่ในบริษัทแม่ในเซินเจิ้น ส่วนออฟฟิศใหม่ของ DJI ที่จะยังอยู่ในเซินเจิ้นและดูอลังการยิ่งกว่าในหนัง Si-Fi จะเปิดใช้ในปี 2022
ที่มา scmp.com
และ https://www.marketingoops.com/