วิธีการสังเกตรูปประโยคของ Question tag นั้น คือมันจะเริ่มต้นด้วยประโยคบอกเล่าและจบด้วยรูปปฏิเสธ แต่บางทีก็ไม่เสมอไป บางทีมันอาจจะขึ้นด้วยรูปปฏิเสธและจบด้วยประโยคบอกเล่า
- ประโยคบอกเล่า, รูปปฏิเสธ และตามด้วยเครื่องหมาย ?
Kate plays the piano, doesn’t she? เคทเล่นเปียโนไม่ใช่หรอ
2. รูปปฏิเสธ, ประโยคบอกเล่า และตามด้วยเครื่องหมาย ?
Kate can’t play piano, can she? เคทเล่นเปียโนไม่เป็นใช่ไหม
1. ประโยคบอกเล่าที่มี V. to be ( is, am, are ) และ can สามารถทำได้ดังนี้
* เพื่อให้เป็นประโยคปฏิเสธให้เติม not หลัง V. to be หรือ can
* เพื่อให้เป็นประโยคคำถาม ให้เอา V. to be หรือ can มาไว้หน้าประโยค พร้อมใส่เครื่องหมายคำถาม (?) ตัวอย่างเช่น
ปฏิเสธ : He is not a student.
บอกเล่า : He is a student.
คำถาม : Is he a student?
ปฏิเสธ: They can not speak English.
บอกเล่า : They can speak English.
คำถาม : Can they speak English?
ประเภทของประโยค
ประโยคแบ่งออกตามลักษณะการนำไปใช้ได้ 4 ประเภท คือ
7.1.1 ประโยคบอกเล่า (declarative sentence)
หมายถึง ประโยคที่บอกข้อมูลหรือแสดงข้อความบอกเล่า เช่น
Sue is going to school on foot.
Mike is riding his bicycle to school.
Sue is going to school on foot, but Mike is riding his bicycle to school.
The boat hit a big rock.
The boat sank to the bottom of the river.
The boat hit a big rock, and it slowly sank to the bottom of the river.
2. ประโยคทีมี V. to have (have, has) ปกติเราสามารถใช้วิธีเดียวกับคำกริยาช่วยตัวอื่นๆที่กล่าวมาในข้อ 1 แต่ปัจจุบันนิยมใช้ V. to do (do, dose) มาช่วยในการทำเป็นประโยคปฏิเสธและประโยคคำถามดังนี้คะ
ประโยคปฏิเสธ เติม Does not/Do not หน้า V. to have.
ประโยคคำถามเติม Does / Do หน้าประโยคบอกเล่า.
ปฏิเสธ : He does not have a car.
บอกเล่า : He has a car.
ถ้าในประโยคไม่มี V. to be หรือ V. to have เราจะใช้ V. to do มาช่วยในการทำประโยคให้เป็นประโยคปฏิเสธและประโยคคำถามจะ โดยมีกฎง่ายๆดังนี้
1.ประธานเป็นเอกพจน์ He, She, It, Film, Pallar………..ทุกตัวต้องใช้ Does.
He walks to school.
(ไม่มี V. to do และ V. to have)
He does not walk to school. Does he walk to school?
บอกเล่า. ปฏิเสธ
จากประโยคจะเห็นได้ว่าการเอา Does เข้ามาช่วยจะต้องตัด s หรือ es ออกจากกริยาแท้ เพื่อให้กลับมาอยู่ในรูปของกริยาช่องที่ 1 (V1) เหมือนเดิม
กริยาแท้ Verb to be ( is, am, are)
is am are ที่ยกตัวอย่างนี้ เป็นกริยาแท้นะครับ (เพราะมีตัวเดียวในประโยค ไม่ได้ไปเสริมกับกริยาตัวอื่น)
บอกเล่า She is a doctor. หล่อนเป็นหมอ
ปฏิเสธ She is not a doctor. หรือ She isn’t a doctor. หล่อนไม่เป็นหมอ
คำถาม Is she a doctor? หล่อนเป็นหมอใช่ไหม
คำตอบ Yes, she is. / No, she isn’t. หรือ No, she is not. ใช่ / ไม่ใช่
บอกเล่า I am a student. ฉันเป็นนักเีรียน
ปฏิเสธ I am not a student.. หรือ I’m not a student. ฉันไม่เป็นนักเรียน
คำถาม Are you a student? ฉันเป็นนักเรียนใช่ไหม
คำตอบ Yes, I am. / No, I’m not. หรือ No, I am not. ใช่ ไม่ใช่
บอกเล่า You are a tiger. คุณเป็นเสือ
ปฏิเสธ You are not a tiger. หรือ You aren’t a tiger. คุณไม่เป็นเสือ
คำถาม Am I a tiger? ฉันเป็นเสือใช่ไหม
คำตอบ Yes, you are. / No, you are not. หรือ No, you aren’t. ใช่/ ไม่ใช่
กริยาแท้ Verb to have (Have, Has)
กริยาตัวนี้ ถ้าเป็นกริยาแท้ในประโยค ไม่ควรเอานำหน้าเพื่อทำเป็นประโยคคำถาม ถึงแม้จะถูกต้องตามไวยากรณ์ แต่ก็ไม่นิยมใช้กันแล้ว
การสร้างประโยคคำถามและปฏิเสธให้เอา Do กับ Does มาใช้ครับ (เดี๋ยวค่อยเรียนรู้ให้ละเอียดในหัวข้อ การใช้ have has)
บอกเล่า He has a car. เขามีรถ
ปฏิเสธ He does not have a car. หรือ He doesn’t have a car. เขาไม่มีรถ
คำถาม Does he have a car? เขามีรถใ่ช่ไหม
คำตอบ Yes, he does. / No, he does not. หรือ No, he doesn’t. ใช่/ ไม่ใช่
บอกเล่า They have a cat. พวกเขามีแมว
ปฏิเสธ They do not have a cat. หรือ They don’t have a cat. พวกเขาไม่มีแมว
คำถาม Do they have a car? พวกเขามีแมวใ่ช่ไหม
คำตอบ Yes, they do. / No, they do not. หรือ No, they don’t. ใช่/ ไม่ใช่
กริยาช่วย can, should, must
บอกเล่า A dog can swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้
ปฏิเสธ A dog cannot swim. หรือ A dog can’t swim. หมาไม่สามารถว่ายน้ำได้
คำถาม Can a dog swim? หมาว่ายน้ำได้ใช่ไหม
คำตอบ Yes, a dog can. / No, a dog cannot. หรือ No, a dog can’t. ใช่/ ไม่ใช่
การใช้ question tag
การใช้คอมม่า
การใช้ question tag เราจะต้องใช้คอมม่า (,) คั่นระหว่างประโยคหลักกับ question tag เสมอ
เราจะใช้ He is a teacher, is he?
ไม่ใช่ He is a teacher is he?
การเลือกใช้คำใน question tag
เราจะเลือกใช้คำใน question tag ตามประโยคหลัก โดยมีหลักการดังนี้
1. ใช้สรรพนามใน question tag ตามประธานในประโยคหลัก
Tim is your best friend, isn’t he?
ทิมเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณไม่ใช่หรอ
She called you last week, didn’t she?
เธอโทรหาคุณเมื่ออาทิตย์ก่อนไม่ใช่หรอ
2. ถ้าประโยคหลักใช้ verb to be (is, am, are, was, were) ให้ใช้ verb to be นั้นใน question tag
You are hungry, aren’t you?
คุณหิวไม่ใช่หรอ
He was at the party, wasn’t he?
เขาอยู่ที่งานปาร์ตี้ด้วยไม่ใช่หรอ
ยกเว้นว่าถ้า verb to be ที่ใช้เป็น am การใช้ question tag รูปปฏิเสธ เราจะนิยมใช้ aren’t I? หรือ am I not? แต่จะไม่ใช้ am not I?
I am your friend, aren’t I?
ฉันเป็นเพื่อนคุณไม่ใช่หรอ
3. ถ้าประโยคหลักมีคำกริยาช่วย (เช่น can, could, will, would, should) ให้ใช้คำกริยาช่วยนั้นใน question tag
You can swim, can’t you?
คุณว่ายน้ำได้ไม่ใช่หรอ
She will call you, won’t she?
เธอจะโทรหาคุณไม่ใช่หรอ
รวมถึงคำกริยาช่วยใน continuous tense (is, am, are, was, were) และ perfect tense (have, has, had) ด้วย
You are doing your homework, aren’t you?
คุณกำลังทำการบ้านของคุณอยู่ไม่ใช่หรอ
Your dad have been there before, haven’t he?
พ่อของคุณเคยไปที่นั่นมาก่อนไม่ใช่หรอ
4. ถ้าประโยคหลักใช้คำกริยาทั่วไปที่ไม่ใช่ verb to be และไม่มีคำกริยาช่วย ให้ใช้ do, does, did ใน question tag
You miss him, do you?
คุณคิดถึงเขาใช่มั้ย
She went to the beach with you, didn’t she?
เธอไปทะเลกับคุณไม่ใช่หรอ
5. ถ้าประโยคหลักเป็นประโยคคำสั่งหรือประโยคขอร้อง เรามักจะใช้ will ใน question tag
Stop making noise, will you?
หยุดส่งเสียงได้มั้ย
Please pay attention, will you?
กรุณาให้ความสนใจหน่อยได้มั้ย
6. ถ้าประโยคหลักใช้ let’s เรามักจะใช้ shall ใน question tag
Let’s go to the canteen, shall we?
ไปโรงอาหารกันมั้ย