ตั้งแต่วันนี้ แอป UBER ใช้เรียกรถไม่ได้แล้ว คุณรู้หรือยัง?
ขอขึ้นต้นด้วยประโยคคำถามแบบตรงๆ ไปเลย เพราะนี่คือสิ่งที่เราอยากสื่อสารกับคุณและคุณทุกท่าน! ถ้าคุณเคยเรียกรถผ่านแอป (โดยเฉพาะรถโดยสารประเภท 4 ล้อ) ไม่ว่าจะ UBER หรือ Grab
ย้ายระบบทั้งหมดจาก UBER ไปอยู่กับ Grab
ดีลธุรกิจครั้งนี้ ทำให้การให้บริการ UBER ในกัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย จะถูกโอนเข้ามาอยู่ภายใต้ชายคา Grab ซึ่งตามข้อตกลงแล้ว UBER จะเข้าถือหุ้น 27.5% ใน Grab และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ UBER ก็จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารของ Grab ต่อไป
เรื่องนี้ส่งผลต่อผู้ใช้บริการอย่างไร…
คงต้องบอกว่านอกจากที่คุณต้องดาวน์โหลดและกรอกข้อมูลเริ่มต้นใช้งานใหม่ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะด้วยรูปแบบการเรียกใช้บริการในลักษณะที่คล้ายคลึงกันทั้ง UBER และ Grab แม้ว่าที่ผ่านมาคุณจะเคยใช้ UBER เป็นทางเลือกเดียวในบรรดาบริการเรียกรถผ่านแอป คุณก็สามารถใช้ Grab ได้อย่างแน่นอน และทาง Grab เองก็ยืนยันว่า สิ่งที่จะส่งผลต่อการให้บริการครั้งนี้คือประสบการณ์การบริการที่หลากหลายขึ้น จากจำนวนพาร์ทเนอร์คนขับที่มากขึ้น และประเภทของรถที่มากขึ้นในแอปพลิเคชั่นเดียว
ส่วนเรื่องอัตราค่าโดยสารที่หลายๆ คนกังวลว่าจะแพงขึ้นหรือไม่นั้น ทาง Grab ชี้แจงไว้ว่า อัตราค่าโดยสารจะยังไม่เปลี่ยนแปลง และยังคงใช้รูปแบบที่เรียกว่าไดนามิก (คิดแบบเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ เช่น ความต้องการและอุปทานในพื้นที่นั้นๆ, สภาพการจราจร, เวลาในการเดินทาง เป็นต้น) เพื่อจัดสรรรถยนต์ในระบบให้มีประสิทธิภาพตลอดวัน ส่วนค่าโดยสารของบริการรถ Taxi นั้น ยังคงเป็นค่าโดยสารตามมิเตอร์เช่นเดิม
Grab เริ่มต้นและเลือกเดินเกมก่อน คือ การมอบโปรแกรมสะสมคะแนนจากการเรียกรถ หรือที่เรียกว่า GrabRewards ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถสะสมคะแนนจากการเรียกรถ และนำไปแลกสิทธิพิเศษหรือส่วนลดต่างๆ จากร้านค้าชั้นนำ ทั้งเครื่องดื่ม บัตรชมภาพยนตร์ และอื่นๆ รวมถึงการนำมาแลกเป็นส่วนลดสำหรับการเรียกรถผ่านแอป Grab
เอาเป็นว่าใครที่เป็นแฟน UBER ตอนนี้ก็…ถึงเวลาตัดใจแล้วนะ! เปลี่ยนมาใช้ Grab แทนนะออเจ้าทั้งหลาย
อ่านเพิ่มเติม : Grab ยืนยันควบรวมกิจการ UBER ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แล้ว