ISO เป็นการปรับตั้งพื้นฐานที่ใช้ในการถ่ายภาพเพื่อให้ภาพสว่างหรือมืด หรือเพื่อให้สามารถถ่ายภาพในสภาพแสงนั้นๆ ได้โดยไม่มีปัญหาเรื่องภาพเบลอจากการใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำเกิน การใช้ ISO ค่าต่ำๆ ความไวในการรับแสงจะน้อยลง การใช้ ISO สูงๆ ความไวในการรับแสงจะสูงขึ้น
ISO ของการถ่ายภาพย่อมาจาก “International Organisation for Standardisation” ซึ่งหมายถึง องค์กรที่กำหนดมาตรฐานสากล เป็นศัพท์ด้านการถ่ายภาพที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในกล้องฟิล์ม ความไวแสง ISO จะใช้ในการกำหนดความไวต่อแสงของฟิล์มถ่ายภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ตั้งค่าการวัดแสงของกล้องให้ตรงกับความไวแสงของฟิล์มซึ่งจะมีผลต่อความสว่างของภาพที่เหมาะสม
ในการถ่ายภาพดิจิตอล ความไวแสง (ISO) จะใช้ในการกำหนดความไวต่อแสงของเซนเซอร์รับภาพ โดยเซนเซอร์รับภาพในกล้องแต่ละรุ่นจะมีค่าความไวแสงเฉพาะตัวที่เรียกกันว่า Base ISO ซึ่งจะเป็นความไวแสงที่ไม่มีการบูสท์สัญญาณ โดยในเซนเซอร์รับภาพจะมีภาคขยายสัญญาณเพื่อใช้ขยายสัญญาณที่อ่อนลงจากการปรับ ISO ที่สูงกว่า Base ISO ซึ่งการปรับความไวแสงสูงมากเท่าใด แสงที่ตกบนเซนเซอร์รับภาพก็จะน้อยลงเท่านั้น จึงต้องมีการขยายสัญญาณมากขึ้นๆ ตามลำดับ
ISO ที่สูงขึ้นบอกถึงความไวต่อแสงที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์เมื่อคุณถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย เพราะช่วยให้สามารถเก็บบรรยากาศและสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวแบบได้เหมือนที่เห็นด้วยสายตาโดยไม่ต้องใช้แฟลช และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับหลายสถานการณ์ เช่น การถ่ายภาพในสถานที่ การถ่ายภาพกีฬาที่ต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงในสภาพแสงน้อย การถ่ายภาพการแสดงบนเวที ภาพคอนเสิร์ต เป็นต้น
ภาพตุ๊กตาชุดนี้บันทึกด้วยกล้อง Full Frame 26 ล้านพิกเซลด้วยความไวแสงตั้งแต่ ISO100-40000 แล้วนำมาครอป 100% ให้เห็นคุณภาพทั้งเรื่อง Noise และรายละเอียด
ค่า ISO มีหน่วยเป็นสตอป Stopเพื่อให้สัมพันธ์กับค่ารูรับแสง และความเร็วชัตเตอร์ ที่เรียกว่า The Exposure Triangle โดยทั่วไปจะปรับเป็นขั้นละ 1 สตอป แต่กล้องบางรุ่นสามารถปรับตั้งอย่างละเอียดได้เป็นขั้นละ 1/2 หรือ 1/3 สตอป
ISO ความเร็วชัตเตอร์ รูรับแสง
50 1/1000 f1.4
100 1/500 f2
200 1/250 f2.8
400 1/125 f4
800 1/60 f5.6
1600 1/30 f8
ISO เป็นการปรับเร่งความไวแสง ทำให้ภาพสว่างขึ้น แต่ไม่ใช้การเพิ่มปริมาณแสง ซึ่งต่างจากการปรับค่ารูรับแสง และความเร็วชัตเตอร์ ที่เป็นการ เพิ่มหรือลด ปริมาณแสงที่เข้ามาในกล้อง ดังนั้น การเร่งค่า ISO ให้สูงขึ้น เท่ากับเพิ่มสัญญาณรบกวนในภาพที่เรียกว่า น๊อยส์ (์Noise) แต่ปัจจุบันการพัฒนาระบบดิจิทัล ช่วยลดสัญญาณรบกวน Noise ได้มาก แต่ก็ยังมีอยู่ เปลียบเหมือน การเร่งเสียง จากลำโพงให้ดังมากขึ้น จะมีเสียงแตกเกิดขึ้น เช่นเดียวกับ การเร่งสัญญาณภาพให้สว่างขึ้น ก็ยอมทำให้มองเห็นสัญญาณรบกวนในภาพได้มากขึ้น
ISO มีความสำคัญต่อการถ่ายภาพ แม้การใช้ ISO สูง จะมีสัญญาณรบกวนตามมา แต่ก็ยังจำเป็นอย่างมากเมื่อต้องถ่ายภาพในสภาวะที่ไม่สามารถเพิ่มปริมาณแสงจากการปรับความเร็วชัดเตอร์ และรูรับแสง ดังนั้น ISO จึงจำเป็นต่อการให้ถ่ายภาพได้ในกรณีไม่สามารถเพิ่มปริมาณแสงได้
แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่า เวลากลางคืนมีแสงน้อยจะต้องใช้ ISO สูงเท่านั้น เพราะแม้เป็นเวลากลางคืน แต่ถ้า เราสามารถเปิดรูรับแสงให้กว้าง และ/หรือ ใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ (เปิดม่านรับนาน) โดยใช้ขาตั้งกล้อง จนได้ปริมาณแสงเพียงพอให้ภาพสวย ก็ไม่จำเป็นต้องเร่ง ISO
ค่าความไวแสง ตามมาตรฐานของผู้ผลิต แต่เดิม เรียกแตกต่างกันตามประเทศที่ผลิต ค่าตัวเลขก็ไม่เหมือนกันทั้งที่ให้ค่าเดียวกัน เช่น
ประเทศอเมริกา เรียกว่า A.S.A. = American Standard Association
กลุ่มยุโรปและเยอรมัน DIN = Deutsch Industrial Normen
ประเทศญี่ปุ่น Jis = Japan Industrial Standard
ประเทศอังกฤษ B.S. = British Standards Exposure index เป็นต้น
ความแตกต่างของชื่อเรียกทำให้สับสนต่อการเลือกใช้งาน จึงมีการกำหนดมาตรฐาน ค่าความไวแสง ขึ้นมาเรียกว่า ISO ย่อมาจาก (International Organization for Standardization) คือ องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการ มาตรฐาน เป็นองค์กรที่ออกมาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และอุตสาหกรรม
เซนเซอร์และตัวประมวลผล
ได้รับการพัฒนาคุณภาพให้มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดสัญญาณรบกวนที่มีผลต่อการปรับค่าความไวแสง แต่คุณภาพก็ขึ้นอยู่กับชนิดและระดับราคาของกล้องด้วย ดังนั้น หากนักถ่ายภาพเข้าใจหลักการพื้นฐานที่สำคัญของการปรับ ISO ก็ช่วยให้ถ่ายภาพได้ง่าย และสร้างสรรค์ภาพได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูล http://www.amornmedia.com/